.
ก่อนอื่นต้องย้ำอีกครั้งว่า กระทู้แต่ละกระทู้ เขียนไปตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น อย่างเช่นกระทู้นี้มันเป็นช่วงที่เรื่องควรจะจบๆไปได้แล้ว ยังไม่มีใครออกมาแฉอะไรมากมายเกิดขึ้นอีก
การเขียนกระทู้อย่างที่เกริ่นไว้ในตอน1 คือจะจับกระแสในตอนนั้นและตั้งกระทู้กระชับอ่านเข้าใจง่าย จับประเด็นที่เด่นๆ ซึ่งคงไม่อาจครอบคลุมรอบด้านได้เท่ากับการเขียนบทความ แน่นอนย่อมมีคนชอบและไม่ชอบเป็นธรรมดา
อยากให้คุณผู้อ่าน อ่านแบบวิเคาระห์ และอ่านตั้งแต่ตอน1 ไล่เรียงกันมา ไม่ใช่อ่านตามกระแสที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะกระทู้แต่ละกระทู้เป็นกระทู้ที่เหตุการณ์หลายเรื่องได้ผ่านจุดนั้นมาแล้วครับ
-------------------------
กระทู้ชื่อ "แอนนี่ไม่ควรตรวจDNA ฟิล์มปล่อยเธอไปเถอะ"
เนื้อหาตามนี้
ผมอยากให้คุณผู้อ่านดูการตอบคำถามของเธอแอนนี่ แบบย่อๆอีกครั้งครับ
คำถามแรก เฮียหน้าเงินกล่าวหาเธอคบผู้ชายทีเดียว4คน?
แอนนี่ตอบว่า "ถ้าเกิดว่าหนูมีอะไรกับคนในเวลาเดียวกัน แค่พูดเนี่ยมันก็รู้สึกแย่มากแล้ว คนเป็นแม่ถ้าท้องอยู่เขาคงไม่อยากเสี่ยงให้ลูกของตัวเองติดโรคเลย ใครจะรู้ว่าจะติดโรคอะไรถูกมั้ย"
วิเคราะห์คำตอบแรก ผมว่าเธอตอบได้สมเหตุสมผลพอควรนะ คนเป็นแม่คงไม่เสี่ยงให้ลูกและตัวเองติดโรคหรอกจริงมั้ย?? และถ้าเธอคิดอยากจะมีลูกกับฟิล์มหรืออยากจับฟิล์ม ก็คงไม่เสี่ยงที่จะไปยุ่งกับใครให้ยุ่งยาก
คำถามที่2 โดนกดดันจากรอบข้างให้ตรวจDNA ยังคงยืนยันจะไม่ตรวจใช่มั้ย??
แอนนี่ตอบว่า "หนูได้พูดไปแล้วว่าที่หนูไม่ตรวจเพราะอะไร บางคนบอกว่าไม่ใช่อ่ะซิ ไม่กล้านะซิถึงไม่ตรวจ หนูบอกไปหลายครั้งแล้วว่าหนูไม่ต้องการอะไรจากใครจะมาตรวจทำไม ถ้าใครคิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ก็ได้
หนูไม่ต้องการความรับผิดชอบจากฝ่ายไหนทั้งสิ้น ขอหนูรับผิดชอบตัวหนูกับลูกหนูเอง ตอนนี้หนูเข้มแข็งดีแล้ว จะเรียกว่าหนูฝังใจก็ได้ ผู้หญิงทุกคนมันเจ็บแล้วมันจำ มันลืมไม่ลง หนูลืมไม่ลงจริงๆ เพราะฉะนั้นหนูถึงกลายเป็นคนยืนกรานหรือหัวแข็งก็ได้ถ้าเกิดจะว่าอย่างนั้น มันเลยกลายเป็นสิ่งค้างคาใจสังคมตอนนี้ หนูต้องขอโทษจริงๆ"
วิเคราะห์คำตอบนี้ ผมว่าชัดเจนนะ เมื่อไม่ต้องการพ่อแล้ว ไม่ต้องให้ใครรับผิดชอบ แล้วจะตรวจทำไม ใครว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่!! (ผมเดาว่าต่อไปเธอคงมีศักดิ์ศรีพอที่จะบอกลูกว่า พ่อของลูกได้ตายไปแล้ว จนกว่าลูกจะโตพอถึงจะเล่าความจริง แล้วถ้าลูกอยากตรวจ แล้วฟิล์มยังอยากรู้ ก็ไปตรวจเอาตอนนั้น)
คำถามที่3 โดนตีความจากคำพูดเหมือนไม่มั่นใจว่า เป็นลูก ฟิล์ม หรือเปล่า??
แอนนี่ตอบว่า "หนูถึงพูดไปเมื่อกี้ไงว่าคนคิดไปต่างๆ นาๆ แก้วใบเดียวยังมองไม่เหมือนกันเลยว่ามันทรงตรงหรือทรงกลม เพราะฉะนั้นเนี่ยหนูไม่สามารถทำให้ทุกๆ คนพอใจได้ หนูไม่สามารถทำให้คนทุกคนมีความสุขแฮปปี้ได้ แม้แต่ตัวเอง ในเมื่อหนูตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องการการรับผิดชอบจากใคร ถ้าเกิดตรวจไปเพื่ออะไร?..หรือเพื่อความสะใจของใครบางคน เพื่อความสบายใจของใครบางคน
แต่ผลข้างเคียงในทางกฎหมายที่จะตามมามันมีมากมายเหลือเกินแต่ไม่มีใครพูด จะให้หนูมาพูดเรื่องกฎหมายหนูก็ไม่ใช่นักกฎหมาย หนูก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา รู้งูๆ ปลาๆ มีคนแนะนำมาบ้างว่าอย่าเลย ผลข้างเคียงมันก็มี ไม่ใช่แค่ความสะใจว่าใช่หรือไม่ใช่
เอาอย่างนี้ ณ วันนี้ถ้าทุกคนคิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ก็ได้ งั้นก็ปล่อยให้หนูไปทำงานเลี้ยงลูกเถอะ"
วิเคราะห์คำตอบนี้ ผมว่า แอนนี่เธอตอบชัดเจนแล้วนะครับ ปล่อยเธอไปเถอะ ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขา ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ ปล่อยเธอไปทำมาหากินเลี้ยงลูกเถอะ
สำหรับฟิล์ม เฮียหน้าเงินก็คืนงานให้แล้วนี่ และคนที่ออกมาประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะชนรับรู้คนแรกก็คือตัวฟิล์มเอง แอนนี่เขาไม่ได้ไปป่าวประกาศให้สาธารณรู้ก่อนนะอย่าลืม! แถมตอนแถลงข่าวทั้งสองครั้งของฟิล์มก็ขัดแย้งกันสุดๆ
ฉะนั้น ต่างคนต่างไปแล้วกัน จะได้จบเสียที (สุดท้ายถ้าใครโกหก ใครหลอกลวง เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกครับ คงต้องปล่อยให้กฏแห่งกรรมจัดการแล้วกัน )
เมื่อฟิล์มไม่ได้ยอมรับลูกด้วยใจแต่แรก ก็อย่าให้ต้องเอาDNAมาทำให้ต้องยอมรับเลย ปล่อยแอนนี่เธอไปเถอะครับ
ฟิล์มและแม่ ต้องยอมรับความจริงซะว่า คุณไม่มีรุ่งได้เหมือนเก่าแล้วล่ะ เพราะความไม่จริงใจแต่แรกของพวกคุณเอง คนเราต้องรู้จักพอเมื่อถึงเวลา ต้องรู้จักจมให้เป็น อย่าจมไม่ลงเลยครับ มันจะทุกข์เปล่าๆ
(ย้ำอีกครั้ง!! สุดท้ายถ้าใครโกหก ใครหลอกลวง เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกครับ คงต้องปล่อยให้กฏแห่งกรรมจัดการแล้วกัน )
เพิ่มเติม
V
V
แอนนี่ "แต่ถามว่า 4-5 ปีมานี้หนูมีแฟนมั้ย? หนูอ่ะคบใครคบจริงนะ หนูรักใครรักนาน คบเป็นคนๆ หนูก็ 30 แล้ว ไม่ใช่เวอร์จิ้น ไม่ใช่ผู้หญิงแบบอื้อหือ...ซื่อใส ใสซื่อ บริสุทธิ์ ต้องมาตีหน้าซื่ออะไรแบบนี้มันไม่ใช่
หนู 30 แล้วก็จะใกล้วัยกลางคนแล้ว แล้วก็หนูเคยมีแฟนมาก่อน ก่อนหน้าเขาหนูก็เคยมี แต่ว่าเลิกกันไปแล้ว แต่ผู้หญิงกว่าจะเลิกกับใครได้มันก็ต้องทำใจ ไม่ใช่ว่าเลิกปุ๊บมีแฟนปั๊บๆ พอเลิกหนูทำใจได้หนูเจอคนใหม่ ที่หนูคิดว่าพอคบไปแล้วรู้สึกรักรู้สึกใช่หนูก็คบเป็นแฟน คบทีละคน
แต่ไม่ได้บอกว่า 4-5 ปีมานี้ไม่มีใครเลย หนูไม่ได้พูดอย่างนั้น พี่เขาก็ถามมาว่า 2-3 ปีมานี้คบฟิล์มคนเดียวใช่มั้ย ประเด็นหนูคิดว่าเขาต้องการที่จะแย้งว่า ช่วงเวลาที่คบกับคนๆ นี้เนี่ย หนูคบกับคนๆ อื่นอีกหรือเปล่า หนูว่าให้มองประเด็นนี้ดีกว่า อย่าพยายามปั่นประเด็นให้มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แล้วเข้าใจประเด็นที่หนูพูดในรายการเมื่อคืนผิด ทีนี้ก็ผิดไปกันใหญ่"
ต้นฉบับกระทู้นี้ คลิกที่นี่
อ่านต่อตอน5
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com