วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความล้มเหลวของระบบเงินบาท




จากชื่อบทความ ไม่ใช่เรื่องเศรษฐศาสตร์ทางการเงินอะไรหรอกครับ ก็แค่อยากบ่นว่า ทุกวันนี้ข้าวของแพงขึ้นทุกอย่าง

แต่เป็นยุคข้าวยากหมากแพงหรือไม่?? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและสภาพเศรษฐกิจของแต่ละคน

ที่ผมบอกว่า ระบบเงินบาทไทยล้มเหลว หมายถึง ทุกวันนี้อาหารการกินของบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านส้มตำ ร้านกับข้าว ร้านข้าวมันไก่ ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ

ทุกร้าน หรือทุกพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร ต่างขึ้นราคาอาหารจานเดียวคราวละ 5บาท ขึ้นทีละบาทสองบาทไม่เป็น ต้องขึ้นทีละ 5บาท

ผมเคยบ่นไว้ในกระทู้เก่าๆมาทีนึงแล้วว่า ที่ร้านข้าวเหนียวแถวบ้านผม ขายข้าวเหนียวสังขยาห่อกระจิ๊ดริด จากราคาขาย10บาท เพิ่มเป็น15บาทในปริมาณเท่าเดิม (ขึ้นราคา50%)

(ราคาอาหารและสินค้าเคยถือโอกาสขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติราคาน้ำมันแพง เมื่อ2ปีก่อน ตอนราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งถึง140เหรียญมาครั้งนึงแล้ว ตอนนี้ราคาน้ำมันไม่ได้แพงกว่าเมื่อ2ปีก่อน แต่ถือโอกาสขึ้นซ้ำอีกครั้ง)

--------------------------------

พ่อค้าแม่ค้าไทยชอบแบ่งชนชั้นให้กับอาหารที่พวกเขาขาย อย่างก๋วยเตี๋ยว ต้องมีแบบธรรมดา และแบบพิเศษ!!

แต่ที่ต่างประเทศเช่นญี่ปุ่นและในหลายๆประเทศ เขาไม่มีหรอกครับ ที่จะมาแบ่งว่า จะกินก๋วยเตี๋ยวแบบพิเศษหรือแบบธรรมดา

ที่สำคัญ ในต่างประเทศทั้งชาติที่เจริญแล้ว และยังไม่เจริญในโลก (ยกเว้นประเทศไทย)

อาหารจานเดียวที่ขายในต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ปริมาณอาหารบ้านเขาจะมีปริมาณมากพอ ขนาดกินชามเดียวอิ่ม จานเดียวอิ่ม!!ิ(เว้นแค่พวกกินจุบางคนกินจานเดียวไม่อิ่ม) ไม่ต้องมาต่ออีกชาม 2 ชามแบบบ้านเรา

ประเทศไทย ราคาอาหารจานเดียวเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ ผมถือว่า สูงกว่าสหรัฐอเมริกาหรือญี่ปุ่นเสียอีกครับ

ญี่ปุ่นค่าครองชีพสูงกว่าไทยประมาณ10เท่า อาหารจานเดียวบ้านเขาอาจสูงถึง180-360บาทต่อจาน แต่ที่ญี่ปุ่นจานใหญ่กินจานเดียวอิ่ม ค่าแรงขั้นต่ำบ้านเขาประมาณ1,800-2,300บาทต่อวัน 
(Japan's prefunctoral minimum wages range from  ¥642 to ¥821  per hour for all workers./ข้อมูลอ้างจากhttp://www.minimum-wage.org/international/en/Japan)

ขณะที่ไทยแลนด์ ค่าครองชีพต่ำกว่า10เท่า ค่าอาหารชามละ30-35บาท แต่ต้องกิน2ชามถึงจะอิ่ม เท่ากับ60-70บาท ค่าแรงขั้นต่ำบ้านเราประมาณ215-220บาทต่อวัน

ถ้าลองเทียบเป็น%ค่าอาหารต่อมื้อ กับเงินเดือนของคนไทยและคนญี่ปุ่นมาเทียบกัน สรุปได้ว่า คนไทยกินอาหารจานเดียวแพงกว่าคนญี่ปุ่นครับ และที่สำคัญที่สุดคุณภาพความสะอาดของไทยสู้ญี่ปุ่นไม่ได้เลย เพราะอาหารไทยเต็มไปด้วยสารพิษสารเคมีสารกันบูดเพียบ



ขอบคุณข้อมูลรูป จาก Jeducation.com (อัตราเงินเยนเทียบเงินบาทไทยขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น)



อีกอย่างผมชอบเปรียบเทียบความสมเหตุสมผลของค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละประเทศ ด้วยการวัดกับราคาโค้กกระป๋องในประเทศนั้นๆ เช่น

คนอเมริกา ค่าแรงขั้นต่ำต่อวันเขาซื้อโค้กกระป๋องได้วันละถึง50-60กระป๋อง แต่เมืองไทย ค่าแรงขั้นต่ำเราซื้อโค้กกระป๋องได้แค่วันละประมาณ15กระป๋อง


(minimum wage of USA in 2011 $6.25-$8.52 per hour / ข้อมูลจาก http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_U.S._minimum_wages)

(ค่าแรงขั้นต่ำในอเมริกาชั่วโมงละ240บาท แต่ค่าแรงขั้นต่ำในกรุงเทพวันละ215บาท - ราคาโค้กกระป๋องในusa เฉลี่ยประมาณ33บาทต่อกระป๋อง ราคาโค้กกระป๋องไทยราคา14บาทต่อกระป๋อง)

ผมลองเสิร์ชราคาโค้กกระป๋องแพคละ24กระป๋อง ในซุปเปอร์มารเก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา ราคาเมื่อเดือนม.ค.2011 ตามนี้



คุณผู้อ่านลองไปหาราคาขายโค้กกระป๋องแบบ24กระป๋องในห้างสรรพสินค้าบ้านเราดูสิครับ ราคาเท่าไหร่ ต่างกับอเมริกาแค่ไหน?

ส่วนราคาในซุเปอร์มาเก็ตของอเมริกาขนาดเล็ก ราคาโค้กกระป๋องในเดือนมีนาคม2011 ราคาแพค24กป. ที่6.48เหรียญ แต่ที่Walmart บางครั้งก็เหลือแพคละ 5เหรียญเท่านั้น



โค้กขวดขนาด720cc.ที่อเมริกาแพค6ขวดแพคละ2.75เหรียญ หรือเป็นเงินไทย91บาท เฉลี่ยขวดละ15บาท เมื่อนำไปเทียบกับโค้กบัดดี้ที่ขายในไทยขนาด600cc. คิดว่าที่ไหนถูกกว่าหรือแพงกว่าครับ? ลองไปตรวจสอบกันดูเองนะครับ!!  (น้ำอัดลมในบ้านเราถือเป็นสินค้าควบคุมโดยกระทรวงพาณิชย์)




สรุปง่ายๆคือ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในต่างประเทศแล้ว คนไทยกินอาหารจานเดียวแพงกว่าสหรัฐอเมริกาหรือญี่ปุ่นเสียอีกครับ

------------------------------

ผมเป็นคนความจำดีพอควร ผมเกิดมาในยุคที่ก๋วยเตี๋ยวซึ่งเป็นอาหารโปรดของผม ตั้งแต่ขายราคาชามละ3บาท ต่อมาเป็น5บาท แล้ว6บาท แล้วก็7บาท แล้วก็8บาท แล้วก็10บาท แล้วก็12บาท แล้วก็13บาท แล้วก็15บาท

และหลังจากเคยซื้อก๋วยเตี๋ยวราคา15บาท ซึ่งต้องกิน2ชามทุกที คือผมกินก๋วยเตี๋ยวมื้อละ2ชามทุกครั้ง

จาก15บาท ก็เป็น20บาท 25บาท และ30บาท และหลายๆร้านก็35บาทไปแล้ว 40บาทแถวบ้านผมก็มี ร้านข้างถนนธรรมดาๆนี่แหล่ะ

เมื่อก่อน เวลาเราซื้ออาหารตามร้านห้องแถว ก็มักจะแพงกว่าร้านอาหารรถเข็นนิดหน่อย เช่นถ้าร้านตึกแถวราคา20บาท ร้านรถเข็นก็15บาท

แต่ปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ผมสงสัยว่า ทำไมร้านรถเข็น ริมถนน ดันขายเท่าราคาร้านที่เป็นตึกแถวไปแล้วไม่รู้?? ทั้งๆที่ร้านรถเข็น น้ำท่าก็ไม่ค่อยจะมีล้างจานโดยสะดวก??

ถ้าเราทานอาหารในร้านที่เป็นตึกแถว อย่างน้อยก็น่าจะมั่นใจได้อย่างนึงว่า เขาน่าจะมีน้ำสะอาดในการชำระล้างทั้งผักและจานชามได้อย่างเพียงพอ

ผมเองเคยเห็นกะตามาหลายแห่ง ที่พวกร้านรถเข็น ซื้อผักมาก็ไม่ล้าง จัดการปรุงเลยก็มี จำไว้บาปกรรมจะตกแก่พวกคุณเอง จากสุขภาพคนในครอบครัวของคุณจะแย่ลงจากผลกรรมที่พวกคุณมักง่ายต่อลูกค้าผู้มีพระคุณต่อคุณ

แต่ผมก็เคยเห็นพวกร้านค้าที่เป็นตึกแถวที่ไม่ยอมล้างผักเหมือนกัน พวกนี้ชุ่ย บาปกรรมจะตามทันเร็วแน่ๆ

---------------------------------


เหตุผลที่พ่อค้าแม่ค้าไทย ต้องขึ้นราคาอาหารคราวละ5บาท

1. เห็นแก่ได้ คืออยากได้กำไรมากๆ แต่สุดท้าย พวกนี้จะไม่รวยไปกว่าเดิมเท่าไหร่ เพราะมันต้องมีเหตุให้เสียเงินจากผลกรรมที่เอาเปรียบลูกค้

2. อ้างเหรียญบาทมีน้อย หายาก (ฟังไม่ค่อยขึ้น)

3. พ่อค้าแม่ค้าไทยคิดเลขไม่เก่ง คิดทีละ5บาท มันบวกง่ายกว่า ไม่งง (ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี)

ที่อเมริกาและญี่ปุ่น เขาสามารถขึ้นราคาได้ทีละไม่กี่เซ็นต์ ที่ญี่ปุ่นเขาก็ขึ้นได้ที่ละไม่กี่เยน สมเหตุสมผลคิดเป็นไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป  เศษเงินในบ้านเขายังมีค่า!!

แต่ราคาอาหารสำเร็จรูปไทย ขึ้นทีละ5บาท เช่น ข้าวเหนียวสังขยาห้อกระจิ๊ดริดแถวบ้านผม จาก10บาท ขึ้นเป็น15บาท เท่ากับขึ้นทีเดียว50% , ยังมีข้าวเหนียวหมูฝอย จากห่อละ10บาท ก็เพิ่งขึ้นเป็น15บาทในปริมาณเท่าเดิมเช่นกัน

ที่ต่างประเทศ พอราคาต้นทุนอาหารถูกลง เขาก็ลดราคาลง แต่ประเทศไทย พอขึ้นแล้วขึ้นเลย มีมั้ยก๋วยเตี๋ยวเคยขาย30บาทแล้วต่อมาจะลดลงเหลือ25บาท?? มีมั้ย??







แนะนำอ่าน ไข่ไทยแพงกว่าไข่ญี่ปุ่น!!

แนะนำอ่านบทความสุดฮอตเรือง นโยบายน้ำมันไทยห่วยจริงๆ

-------------------------------

มีคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผมได้เข้าไปตอบโต้ชี้แจงความสงสัยของหลายคนที่เว็บสนุก ไปอ่านได้ที่  คลิกที่นี่

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แนะวิธีแก้ปัญหาน้ำมันพืชขาดแคลน

V

V

คือปัญหาน้ำมันปาล์มราคาแพง แถมขาดตลาดหาซื้อก็ยาก เป็นปัญหาระดับประเทศไปแล้ว และกำลังจะเป็นปัญหาสำหรับพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าด้วย

เพราะข้าวยากหมากแพงมันกระทบจิตใจคนยิ่งกว่าสิ่งใด

และถึงแม้น้ำมันพืชจะกลับมาขายอย่างปกติได้อีก แต่ราคาสินค้าที่ชิงขึ้นราคาไปแล้ว คงยากที่จะลดราคาลงมาอีกแน่ๆ อย่างแถวบ้านผม พวกก๋วยเตี๋ยว กับข้าว หรืออาหารตามสั่งหลายร้าน ก็ขึ้นราคาไปแล้วทีละ5บาท!! เพราะพวกพ่อค้าแม่ค้าไทยขึ้นราคาทีละบาทสองบาทไม่เป็น!!

-----------------

ทีนี้ แทนที่น้ำมันปาล์มขาดแคลนอย่างเดียวเท่านั้น แต่น้ำมันพืชชนิดอื่น เช่นน้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง แทนที่จะมีขาย ดันกลับหายไปจากท้องตลาดตามไปด้วย

ทั้งกะทิ น้ำตาลทราย ก็พากันหาซื้อยาก ขาดๆหายๆกันตามไปด้วยอีก นี่คือความล้มเหลวของการจัดการของกระทรวงพาณิชย์แท้ๆ ซึ่งรัฐบาลปชป.ก็มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ

-----------------

อยากให้คุณผู้อ่านของผม ช่วยจำไว้อย่างนึงว่า น้ำมันปาล์มเหมาะสำหรับกับการทอดเท่านั้น เพราะทนความร้อนสูงได้นานก่อนที่จะเสื่อมคุณภาพไป น้ำมันปาล์มไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะเอามาผัด

เพราะน้ำมันปาล์ม มันมีไตรกลีเซอไลด์สูง!! ซึ่งเป็นไขมันชนิดร้ายกาจตัวนึง ร้ายไม่แพ้คลอเรสเตอรอลชนิดเลวๆ ทั้งไตรกลีเซอไรด์และคลอเรสเตอรอล ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อระบบไหลเวียนเลือดทั้งสิ้น

ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง กับน้ำมันรำข้าวเหมาะสำหรับกับการผัด อย่างในครัวเรือน ก็สามารถใช้ทอดได้ เพราะเราคงไม่ทอดน้ำมันซ้ำๆแบบพวกพ่อค้าแม่ค้า ที่สำคัญ น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าว ไม่มีคลอเรสเตอรอลชนิดเลว และไตรกลีเซอไรด์ ไขมันทั้ง2ชนิดที่อันตรายต่อร่างกาย

สาเหตุที่พ่อค้าแม่ค้าเขาใช้น้ำมันปาล์มทอดอาหารขาย มี2เหตุผลเท่านั้น คือเมื่อก่อนราคาน้ำมันปาล์มถูกกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น และทนความร้อนได้ดีกว่า จึงดำยาก!!



----------------------------

พอรัฐบาลสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซล ด้วยการนำน้ำมันปาล์มาผสมในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล จึงทำให้ราคาน้ำมันปาล์มแพงขึ้น และมีโอกาสขาดตลาดได้ง่าย เพราะประเทศไทยผลิตน้ำมันปาล์มไม่ค่อยพอใช้

ที่จริงรัฐควรเน้นให้นำน้ำมันพืชใช้แล้วเท่านั้น ในการนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ไม่ใช่ไปเอาน้ำมันพืชใหม่ๆมาใช้ผลิต!!

หากรัฐสั่งให้บริษัทน้ำมัน ต้องนำเฉพาะน้ำมันพืชใช้แล้วมาผลิตไบโอดีเซลเท่านั้น ด้วยการหันมารับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากประชาชนในราคาพอสมควร ก็จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าขายอาหาร รีบนำน้ำมันใช้แล้วมาขายต่อ ดีกว่าเอาไปทอดซ้ำๆจนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

เท่ากับเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพดีแก่ประชาชนทางอ้อมไปด้วย (เว้นแต่ผลผลิตปาล์มล้นตลาด ค่อยนำน้ำมันปาล์มใหม่มาผลิตไบโอดีเซล)

--------------------------

ส่วนเรื่องการกักตุนสินค้าเพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้นของพวกพ่อค้านักธุรกิจ รัฐบาลต้องมีมาตรการทางกฏหมายเอาผิดให้หนัก ลงโทษให้เข็ดหลาบ


รัฐบาลแก้ปัญหาที่ผ่านมาผิดพลาด เพราะไปนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ แล้วนำเข้ามาบรรจุขวดในประเทศ ทำให้พวกบริษัทน้ำมันพืช เล่นไม่ค่อยซื่อ แถมห้างที่จัดจำหน่ายก็เล่นไม่ซื่อ


ตอนนั้นรัฐควรแก้เผ็ดด้วยการ นำเข้าน้ำมันปาล์มบรรจุขวดสำเร็จรูปเข้ามาขายเลย ไม่ใช่เอามาบรรจุแบบที่ได้ทำ เพราะจริงๆแล้ววัตถุดิบไม่ได้ขาดแคลน แต่มันขาดแคลนเพราะโรงงานน้ำมันเล่นแง่มากกว่า

-------------------------

และถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องกระโดดเข้ามาผลิตสินค้าขายเองบ้างแล้วเพื่อแข่งกับบริษัทเอกชน ด้วยการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเฉพาะผลิตสินค้าจำเป็นในการอุปโภคบริโภค และรัฐควรมีสต็อกสินค้ากันไว้เพื่อควบคุมกลไกราคาในตลาด เพื่อป้องกันการฮั้วราคากันจนสินค้าหมวดจำเป็นของพวกบริษัืทสินค้าเห็นแก่ตัวทั้งหลาย ที่ปั่นราคากักตุนสินค้าต้องขาดแคลนแบบทุกวันนี้

แต่ที่สำคัญที่สุด รัฐจะต้องไม่แปรรูปรัฐวิสหากิจเด็ดขาด เพราะรัฐวิสาหกิจเกิดมาเพื่อป้องกันการเอาเปรียบประชาชนของพวกพ่อค้าธุรกิจ

อย่าให้กลายเป็นแบบกรณีปตท. ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อถ่วงดุลบริษัทน้ำมันต่างชาติ ไม่ให้บริษัทน้ำมันต่างชาติขึ้นราคาฮั้วราคาขูดรีดประชาชนได้

แต่ไปๆมาๆ ทุกวันนี้ ปตท.กลับกลายเป็นผู้นำบริษัทน้ำมันขูดรีดประชาชนเสียเอง ...



.
.

กรณีสาวหูดับ บุกเข้าหานายกฯกลางเวที




จากกรณีแม่ค้าหมูปิ้ง ที่หูดับเพราะกินหมูดิบ บุกเข้าประชิดตัวนายกฯอภิสิทธิ์วานนี้

อันนี้ผมก็เห็นใจเธออยู่นะครับ

แต่เราควรพิจารณาเหตุของทุกข์ของเธอก่อนดีมั้ยครับ??

รัฐบาลทุกรัฐบาลเขารณรงค์ว่าอย่าบริโภคเนื้อดิบ ว่ามันอันตราย!!

เนื้อสัตว์ทุกชนิด ควรปรุงสุกก่อนบริโภค เหตุที่เธอหูดับ เพราะเธอบริโภคเนื้อหมูดิบ ทำให้เชื้อโรคไปทำลายระบบการฟัง

ไม่ว่าจะเพราะเธอไม่ฟังคำเตือนของรัฐ หรือขาดการรับข่าวสาร หรือไม่เชื่อในคำเตือนเพราะความประมาท หรือเหตุผลอะไรก็ตาม

หากประสาทหูยังไม่ตาย ถ้าใส่ประสาทหูเทียม ข้างละ8แสนบาท!!

ซึ่งหากมีคนหูดับเพราะเนื้อหมูโร่เข้าหานายกฯทุกคนอีก ประเทศนี้คงวุ่นวายดีแท้ๆ

เด็กหูหนวกที่รอการฝังประสาทหูเทียมยังต้องรอคิวอีกเยอะ เพราะราคาประสาทหูเทียมมันแพง

อยู่ๆเธอคนนี้ได้ลัดคิว เพราะกล้าพุ่งหานายกฯ ต่อๆไปคงมีทำแบบนี้อีกหลายราย



ปัญหาคือ หลักประกันสุขภาพบัตรทอง ยังเบิกค่ารักษาด้วยการรักษาด้วยวิธีฝังประสาทหูเทียมไม่ได้ครับ

เมื่อมีคนไปร้องขอถึงตัวนายกฯ แล้วนายกฯจึงจำต้องชงเรื่องให้ช่วย แต่ใช้เงินบริจาคของมูลนิธิราชวิถีมาใช้ในการรักษานะครับ  ซึ่งไม่ใช่เงินของรัฐบาลอยู่ดี!!

เงินบริจาคส่วนนี้ปกติก็จะช่วยคนไปตามลำดับ ไม่ใช่ลัดคิวครับ

สรุปก็คือ รัฐบาลจริงๆก็ไม่ได้ช่วยครับ เพียงแต่ตอนนี้เหมือนใช้เส้นนายกฯมาช่วยให้ลัดคิวครับ

คุณผู้อ่านคิดว่า มันเท่าเทียมกับคนที่รอคิวอยู่หรือเปล่าครับ??


ที่ถูกต้องคือ เธอต้องไปขอเข้าคิวในการรักษาครับ เพราะข้างละ8แสน มีคนรอรักษาอยู่จำนวนมาก ซึ่งต้องรอคิวนาน ตามแต่เงินบริจาคจะมีจัดสรรมาให้ตามลำดับ

.
.

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ศีลธรรมยิ่งเสื่อม กฎหมายต้องยิ่งแรง!!






สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 2554 ครับ

เมื่อ 2 วันที่แล้ว มีข่าวพวกเด็กช่างกลเทคโนดุสิตไล่ตี ไล่ยิงเด็กเทคโนปทุม เข้าในร้าน 7-11 จนมีคนตายไป 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย แถมพวกก่อเหตุยังแอบไปดักหน้าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ดักยิงเพื่อนเด็กเทคโนปทุมฯ บาดเจ็บไปอีก1 ขณะออกจาก รพ. หลังไปดูศพเพื่อน 

คลิปสุดถ่อยของนักเรียนนักเลงช่างกล




พอเห็นแล้วเราคนไทยคงได้แต่สลดและอิดหนาระอาใจ กับสังคมไทยที่ศีลธรรมเสื่อมโทรมถอยลงทุกวัน เพียงแค่อยู่คนละสถาบันฯ มันก็ฆ่ากันได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีความแค้นเคืองกันมาก่อน

หรือบางครั้งพวกถ่อยในคราบนักเรียนนักเลงก็ยิงปืนขึ้นไปบนรถเมล์ โดยไม่สนว่าจะมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ คนอื่น ๆ จะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย 

(ซึ่งเมื่อหลายปีก่อน เคยมีสาวเคราะห์ร้ายคนหนึ่งต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต จากการโดนลูกหลงจากกระสุนปืนของเด็กช่างกลที่ยิงขึ้นไปบนรถเมล์สาย 26 )

อย่างในคลิปเหตุการณ์ล่าสุดนี้ พวกนักเรียนนักเลงมันก็ยิงเข้าไปในเซเว่น ฯ โดยไม่สนว่า จะไปโดนประชาชนคนอื่น ๆ 

แม้ตำรวจจะได้ออกหมายจับพวกเห้ ๆ พวกนี้ไปแล้ว

แต่ถามหน่อยว่า เมื่อศาลพิพากษาแล้ว พวกนักเรียนนักเลงเลว ๆ พวกนี้จะได้รับโทษสาสมแค่ไหน คาดว่า อีกแค่ไม่กี่ปีพวกนี้มันก็คงออกมาเดินเฉิดฉายในสังคมได้อีกครั้ง


นั่นเป็นเพราะความอ่อนแอของบทลงโทษในกระบวนการยุติธรรมของไทย

"กฎหมายมันต้องยิ่งแรงขึ้น หากศีลธรรมผู้คนเสื่อมถอยจึงจะถูกต้อง"
คำพูดประโยคนี้ ผมอ้างจากคำพูดของดร.วิป หรือ ดร. วิพรรธิ์ เริงพิทยา อธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ชลบุรี (ASIAN UNIVERSITY) โดย ดร.วิปเคยพูดออกอากาศในรายการ "ช่วยคิดช่วยทำ" ของคุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์

พอผมได้ดูได้ฟังที่ดร.วิปพูดแล้ว ก็เห็นด้วย 100%

อธิบายความ คือ ประเทศในยุโรปในอดีต บทลงโทษต่าง ๆ ทางกฎหมายเขาหนักและเข้มงวดมาก และเคยมีโทษประหารชีวิตกันแทบทุกประเทศ จนประชาชนเริ่มกลัวการกระทำผิดกฎหมาย 


แล้วพอประชาชนผ่านพ้นจากความกลัว ก็เริ่มกลายเป็นนิสัย ประชาชนเริ่มมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมกันมากขึ้น จนประเทศเขามีคดีความลดน้อยลง

รัฐบาลประเทศในยุโรปเขาถึงค่อย ๆ แก้กฎหมายลดบทลงโทษลง แล้วในที่สุดก็ยกเลิกโทษประหารชีวิต เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีจิตสำนึกดีแล้ว

ซึ่งต่างจากประเทศไทย ที่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังแก้ไขไม่ได้ คดีฆ่ากันตายก็ไม่เคยลดลง ประชาชนจำนวมากยังไร้จิตสำนึกสาธารณะ แต่ดันจะคิดลดบทลงโทษลง คิดจะยกเลิกการลงโทษประหารชีวิตซะแล้ว


พวกยุโรปเขาผ่านช่วงเลวร้ายมาแล้ว เขาย่อมพูดได้ว่า โทษประหารชีวิตไม่มีประโยชน์ เพราะเขาเลยจุดนั้นมาแล้ว



บ้านเมืองไทยเรานี่ก็แปลก คือ กระบวนการยุติธรรมชอบเมตตาสงสารพวกชั่วเป็นพิเศษ แต่คนดี ๆ ที่ต้องตาย ต้องมารับเคราะห์ หรือพิการไปตลอดชีวิตรายแล้วรายเล่าไม่มีวันจบสิ้น

คำพูดที่ว่า
ขอให้รายนี้เป็นกรณีสุดท้าย ขอให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ แต่ในความเป็นความจริง เหตุการณ์คนชั่วทำร้ายคนดีตายฟรี หรือบาดเจ็บฟรี หรือพิการฟรี ก็ไม่เคยมีการลดลง นับวันมีแต่ยิ่งเพิ่มขึ้น ๆ


ถ้าตราบใดกฎหมายเมืองไทยยังเมตตาปราณีพร่ำเพรื่อกับคนพาลสันดานเลวแบบนี้ต่อไป

----------------------------

ยกตัวอย่างคดีและกฎหมายเฉียบขาดของประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อหลายปีก่อน ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คุณสู่ขวัญ ได้รายงานข่าวคดีในสหรัฐอเมริกา คดีนึง (ขออภัยที่จำรายละเอียดไม่ได้)

คดีนั้นเกี่ยวกับนักเรียนชายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นคดีที่นักเรียนอเมริกัน อายุ 15 ปี คนนึง เขาได้นำปืนมายิงครู และเพื่อน ๆ ในห้อง และคนในโรงเรียนอีกหลายคน จนบาดเจ็บ และเสียชีวิตไปหลายราย

คดีนี้สะเทือนขวัญคนอเมริกันอย่างมาก

คุณผู้อ่าน ลองทายซิว่า กฎหมายของสหรัฐอเมริกา เขาจัดการกับนักเรียนชายคนนี้อย่างไร??

คำตอบ ก็คือ กฏหมายสหรัฐอเมริกา เขาจับนักเรียนคนนี้ขังสถานกักกันคดีเด็กและเยาวชน ของบ้านเขาไป 5 ปี

แล้วพอ นักเรียนคนที่ก่อคดีนี้มีอายุครบ 20 ปี ก็ถูกส่งขึ้นศาลผู้ใหญ่ แล้วนักเรียนคนนี้ก็ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ไปครับ


เป็นไงครับ นี่คือกฏหมายของสหรัฐอเมริกาเขาแหล่ะ แต่ไม่เห็นมีพวกนักสิทธิมนุษยชนบ้า ๆ แบบในประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศออกมาด่ามาเรียกร้องให้ล้มเลิกโทษประหารชีวิตของสหรัฐอเมริกาเลยครับ


นั่นเพราะ รัฐบางรัฐในสหรัฐอเมริกา เขาได้มีการทำประชามติกันแล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการให้คงโทษประหารเอาไว้


(ในบางรัฐของอเมริกา ก็มีการยกเลิกโทษประหารไปแล้วเพราะสถิติอาชญากรรมรุนแรงลดลง แต่ในอีกหลายๆรัฐโทษประหารยังคงอยู่ แต่ก็มีบางรัฐที่เคยยกเลิกโทษประหารไปแล้ว แต่ก็กลับเอาโทษประหารกลับมาใช้ใหม่ก็มี เพราะเมื่อสถิติอาชญากรรมเริ่มเพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้น ก็จะนำกฏหมายโทษประหารกลับมาอีก)

---------------------------

คดีเด็กเก็บกดในอเมริกา ขู่ฆ่าอาจารย์และเพื่อนๆ


มีอีกกรณีนึง ยังไม่ถึงขั้นเป็นคดี แต่เป็นแค่คำขู่

เรื่องมีอยู่ว่า มีนักเรียนมัธยมคนหนึ่ง ได้เขียนในทวิสเตอร์ของตัวเองว่า เขารู้สึกอยากจะฆ่าครูและเพื่อน ๆ บางคนของเขา ด้วยวิธีการต่างๆตามที่เขาเขียนบรรยายไว้

เมื่อทางโรงเรียนรู้เรื่องนี้ ก่อนที่อาจจะเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

ทางโรงเรียนก็ตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที 

แม้พ่อแม่ของนักเรียนคนนั้นจะขอร้องทางโรงเรียนว่า นักเรียนจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีก 2 ปีข้างหน้า ขอให้โรงเรียนเมตตาแก่ลูกของพวกเขาด้วย

แต่โรงเรียนในสหรัฐอเมริกา ไม่เหมือนกับโรงเรียนในประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ ครับ ที่ขนาดนักเรียนคนนึงเผาโรงเรียน โรงเรียนก็ยังเมตตาให้เรียนต่อไป เพราะอ้างสงสารอนาคตเด็ก ไม่อยากทำลายอนาคตของเด็ก 

อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละประเทศ แต่ที่สหรัฐอเมริกาเขาเด็ดขาดจริง 

แต่คุณผู้อ่านไม่ต้องห่วงนักเรียนอเมริกันคนที่ว่านี้นะครับ นักเรียนคนนี้ก็เพียงแค่ต้องอยู่เรียนเองที่บ้าน อ่านหนังสือเองที่บ้าน แล้วไปสอบเทียบเกรดเอาครับ

----------------------------


เมื่อคดีเมาแล้วขับ คือ ความผิดอาญาร้ายแรง (เทียบขั้นฆาตกรรม)


เมื่อหลายปีก่อนในสหรัฐอเมริกา มีคดีที่คุณยายและลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์ กับหลานสาววัย 4 ขวบอีก 1 คนกำลังเดินทางข้ามรัฐ

โดยคุณยายเป็นคนขับรถ มีลูกสาวของคุณยายและหลานสาวนั่งรถไปด้วย แต่แล้ว ก็เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับของคนอื่น ที่ขับรถมาพุ่งชนรถของคุณยายอย่างรุนแรง

ลูกสาวที่กำลังท้องของคุณยายเสียชีวืตทันที !! ส่วนหลานสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคุณยายบาดเจ็บพอควร

หลังจากคุณยายหายดีแล้ว คุณยายได้เดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อรณรงค์ให้ประเทศสหรัฐอเมริกาออกกฎหมาย ให้กำหนดว่า ผู้ที่เมาแล้วขับ ขับรถชนคนตาย ถือเป็นการฆาตกรรม


คุณยายเดินสายรณรงค์แบบนี้อยู่หลายปี คุณยายไปรณรงค์ถึงทำเนียบขาว จนในที่สุด ปธน.บิล คลินตัน ต้องร่วมเซ็นชื่อสนับสนุนการออกกฏหมายที่ว่านี้ ว่า การเมาแล้วขับรถชนคนตาย ถือเป็นความผิดอาญาร้ายแรง เป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งต่อมาได้มีการออกกฎหมายนี้จริง ๆ เพื่อใช้กันในหลายรัฐของสหรัฐ ฯ


อ่านตัวอย่าง กฎหมายเมาแล้วขับในสหรัฐอเมริกา ได้ที่  
http://www.ncsl.org/Portals/1/documents/transportation/drunkdrivesanctions.pdf

เช่น กฎหมายเมาแล้วขับรถชนคนตายของรัฐเทนเนสซี่

Vehicular Homicide: If a person operates a vehicle under the influence of alcohol
or drugs, or with a prohibited alcohol or drug content, and his conduct causes the
reckless killing of another person, the person is guilty of a Class B felony that
carries eight to 30 years' imprisonment

แปล

การฆาตกรรมด้วยยานพาหนะ : ถ้าเกิดบุคคลใดขับยานพาหนะภายใต้อิทธิพลที่เกิดจากแอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด(drug) หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ แล้วพฤติกรรมนี้ของเขาก่อให้เกิดการฆาตกรรมต่อบุคคลอื่นโดยความประมาท

บุคคลนั้นมีความผิดอาญานี้ในชั้น B เป็นข้อหาอุกฉกรรจ์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 8-30 ปี

---------------------------

กฎหมายในสหรัฐอเมริกา เช่น หากคุณไปดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อนจนเมา หลังจากนั้นคุณได้ขับรถกลับบ้าน แล้วบังเอิญคุณถูกตำรวจตรวจจับว่า คุณเมาแล้วขับ

นอกจากคุณจะโดนคดีเมาแล้วขับแล้ว เพื่อนของคุณที่ให้เหล้าคุณดื่มจนเมา แล้วยังปล่อยให้คุณขับรถกลับออกมาจากบ้านของเขาได้


เพื่อนของคุณก็โดนโทษให้การสนับสนุนคนเมาแล้วขับด้วยเช่นกันครับ.
นี่แหล่ะครับกฎหมายแบบอเมริกา!!

---------------------

ขอแถมอีกสักคดี

พอดีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ผมพึ่งได้อ่านข่าว เด็กอายุ 11ขวบ ถูกตำรวจจับ โทษฐานเพราะวาดรูป คนเอาปืนยิงครู พร้อมเขียนกำกับว่า "พวกครูต้องตาย"

คุณผู้อ่านลองไปอ่านข่าวดูสิครับ จะช่วยทำให้คุณผู้อ่านมองเห็นวิธีคิดเรื่องกฏหมายของคนอเมริกันในอีกมุมนึงครับ

คลิกอ่านข่าวนี้ที่ http://news.sanook.com/1003960

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ธงชัยเฉลิมพล ?? (กระทู้ปัญหาของakecity)





คือเมื่อเช้ามืดวันที่12ก.พ.54 ผมได้เข้าไปตั้งกระทู้ ที่มีชื่อกระทู้ว่า "ธงชัยเฉลิมพล??" ในบอร์ดสนุกการเมือง เช่นตัวอย่างนี้ (กระทู้ถูกแอดมิน ขออนุญาตผมเพื่อลบกระทู้ไปแล้วเมื่อวันที่15ก.พ.เพราะไม่อยากให้คนบางพวกหาเรื่อง)

ในกระทู้นั้นโพสไว้แค่นี้

???


-----------------------------------


จากตัวอย่างกระทู้ข้างบน ผมตั้งใจทิ้งปริศนาไว้แค่นั้นและตั้งใจจะมีกระทู้อธิบายปริศนาที่ผมตั้งไว้ ในกระทู้ต่อไป

มีสมาชิกในเว็บสนุกฝ่ายเสื้อแดงหลายคนเข้ามาในกระทู้ "ธงชัยเฉลิมพล??" และบอกว่าผมกระทำการไม่บังควร ในหลายๆเหตุผล

ตกเย็นในกระทู้นั้น ผมก็ได้เข้าไปโพสอีกความเห็นเพื่อแจ้งลิงค์กระทู้ชี้แจงและได้ขออภัยไว้ในกระทู้ดังกล่าว ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด ตามนี้

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



ซึ่งตกตอนหัวค่ำในวันเดียวกันนั้น ผมก็ได้เข้าไปตั้งกระทู้อีกกระทู้เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไมผมถึงตั้งกระทู้แรกไว้และทิ้งปริศนาไว้แบบนั้น ในชื่อกระทู้ว่า "ชี้แจง ธงชัยเฉลิมพล??"สื่ออะไร??"

กระทู้ชี้แจงมีเนื้อหาตามรูปข้างล่างนี้ (คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!)




และผมก็ได้ยักบทความของพลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่2 มาไว้ในความเห็นถัดไปในกระทู้ตามนี้!! เพื่อให้รู้ถึงที่มาทั้งหมดของเจตนาที่ผมตั้งกระทู้ "ธงชัยเฉลิมพล??" วัตถุประสงค์เพื่ออะไร!!

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!





หลังจากผมได้ตั้งกระทู้ชี้แจง อธิบายที่มาที่ไปของการตั้งกระทู้ สมาชิกที่ไม่มีอคติและมีใจเป็นกลาง ก็เข้าใจว่าผมมีเจตนาดี แต่นั่นแหล่ะ สมาชิกฝ่ายตรงข้ามผม คือกลุ่มเสื้อแดงหลายคน โจมตีผมหาว่าผม กระทำการไม่บังควร ถึงขั้นหมิ่นสถาบันกษัตริย์!!

สมาชิกที่ชื่อ LeelaExpress ที่กล่าวหาว่าผมหมิ่น และกระทำการไม่บังควร ถึงขั้นส่งกระทู้นี้ไปให้หน่วยงานราชการ หน่วยงานทหาร เพื่อให้มาจัดการกับผม ตามกระทู้นี้

http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3367821.msg16859022#msg16859022

เว็บสนุกเขาไม่อยากมีปัญหา เลยมาขอแจ้งมาขออนุญาตลบกระทู้นั้นของผมไป ซึ่งผมก็ยินดีให้ลบ

ผมเลยนำกระทู้ปัญหาอันนั้นมาโพสไว้ที่นี่ และจะดูซิว่า หน่วยงานไหนจะมาเอาเรื่องหาว่าผมหมิ่น หรือกระทำการไม่บังควรได้!!

--------------------

ผมยอมรับว่า ในบางมุมมองของบางคนอาจมองว่า ไม่ควรตั้งกระทู้แบบนั้น อันนี้ผมก็เข้าใจในความคิดของพวกเขา ซึ่งผมก็ได้ขออภัยไปแล้วในกระทู้ดังกล่าวที่ทำให้เข้าใจผิด

แต่ผมก็เชื่อมั่นใจเจตนาของผมว่า กระทู้นั้น ไม่เข้าข่ายไม่บังควรหรือ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพแน่นอนเช่นกัน แต่เป็นกลอุบายที่ช่วยดึงความสนใจให้ผู้คนหยุดคิดและทหารทั้งหลายให้สำนึกในหน้าที่ที่ควรกระทำ ตามที่อธิบายในกระทู้ชี้แจง

---------------------------


และผมได้ตั้งกระทู้อีกกระทู้นึง ซึ่งชื่อ "วันเฉลิม??" เพื่อเปรียบเทียบกับกระทู้แรก เพื่อเพิ่มมุมมองอีกมุมไว้ให้พิจารณา ตามนี้

http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3366771.msg16853981#msg16853981

อยากเชิญคุณผู้อ่าน ลองตามไปอ่านกระทู้ วันเฉลิม?? ของผม ว่า ช่วยเพิ่มมุมมองได้หรือไม่ครับ

ขอบคุณ

ใหม่เมืองเอก.


-----------------

กระทู้แซว "กรุณาอย่าเชิญ2คนนี้ไปออกงานร่วมกันนะครับ!?"

.
.

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นิสัยเขมร ไม่เคยเปลี่ยน!!





บทความตอนนี้ ยกมาจากกระทู้ฮอตหน้าแรกของเว็บสนุกที่ชื่อ นิสัยเขมรไม่เคยเปลี่ยน!! ของผม ที่มีคนอ่านไปเกือบ2หมื่นคน มีคนโหวตชอบไปแล้ว327คน

เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย!! รู้เขารู้เรา รบ100ครั้งชนะ100ครั้ง!!


เนื้อหาของกระทู้ "นิสัยเขมรไม่เคยเปลี่ยน!!" ตามนี้ครับ

V

V

อันนี้หมายถึงนิสัยของพวกผู้นำเขมรตั้งแต่อดีตโบราณจนถึงปัจจุบัน


1. ลอบกัดไทยเสมอ ยามไทยมีศึกด้านพม่า เขมรมักบุกตีเราอีกด้าน

2. มื่อยามทุกข์เข็ญ ก็จะทำตัวหน้าสงสาร ให้ไทยเมตตา ยุคเขมรแดง คนเขมรน่าสงสารมาก ไทยเราเมตตาช่วยเหลือให้ที่พักพิง

3. สั่งสอนคนในชาติให้เกลียดคนไทย แบบเรียนเขมรปัจจุบัน สอนว่าไทยเป็นชาติขี้โกง ขี้ขโมย และแปลคำว่า สยาม หรือเสียม ว่า ขโมย

4. ยามไทยอ่อนแอ แตกแยก เขมรจะทำกร่างใหญ่โต ฮุนเซ็นไง คนๆนี้ไว้ใจไม่ได้

5. ยามไทยเข้มแข็ง ผู้นำเขมรมืออ่อน ไหว้ประหลกๆ เจ้าสีหนุ มาขอไทยช่วยเหลือนับไม่ถ้วนยามเขมรแตก

6. เมื่อไทยเราเอาจริง เขมรมันก็จะถอย แต่ยังทำซ่าเหมือนเดิม คืออวดเก่งแต่ความจริงบ่มิไก๊

7. นิสัยขี้ขอ เขมรยุคสีหนุ เคยขออาวุธจากไทยไปใช้ในช่วงฟื้นฟูประเทศหลังได้เอกราชจากฝรั่งเศส แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขมรก็หาเรื่องไทยด้วยการทวงเขาพระวิหาร เอาปืนมายิงทหารไทย หาว่าไทยรุกราน!!

8. เนรคุณผู้มีพระคุณ หลังจากพ้นยุคสงครามเขมร3ฝ่าย แผ่นดินเขมรมีกับระเบิดฝังในดินจำนวนมาก ทหารไทยคือผู้ที่ไปช่วยกู้กับระเบิดนับ10ปี แต่เมื่อปี2551 ทหารไทยถูกกับระเบิดตาย บริเวณพื้นที่4.6ตร.กม.ที่รอบเขาพระวิหาร ที่เขมรระดมฝังใหม่อีกครั้ง

---------------------

ขอเสริมนอกเหนือจากในกระทู้สนุก

การที่เขมร 3 ฝ่ายเลิกรบและรวมกันเป็นประเทศกัมพูชาที่มีสันติภาพได้อีกครั้ง ก็ได้ไทยเรานี่แหละที่มีส่วนช่วยเหลือมากที่สุด

แม้แต่ถนนหนทางหลายสายไทยก็ไปช่วยซ่อมช่วยสร้างให้ หรือแม้แต่ศิลปะการฟ้อนรำที่สูญหายไปช่วงสงครามฆ่ากันเองของคนเขมร และดนตรีเขมร ไทยเราก็ส่งผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากรไปช่วยสอนไปช่วยฟื้นฟูให้เขมร

แล้วเป็นไง วันนี้มันแว้งกัดเราอีกแล้ว

----------------------------------------

กลอนด่าเขมร - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปี ๒๕๐๒


"สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล

เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน

กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน

คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป

อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้

ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด

เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด

สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี

ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่

คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน

หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?

ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?

เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า

ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง

ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง

เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา

ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา

ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา พราะทรงพระกรุณาประทานไป


มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้

สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...




หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์


ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒


--------------------------------------------





พงศาวดารไทย เชื่อว่า พระยาละแวกคิดคดทรยศไทย จึงถูกตัดหัวเอาเลือดมาล้างพระบาทพระนเรศวร

แต่ทางประวัติศาสตร์ฝ่ายเขมรกลับบอกว่า พระนเรศวรไม่ขอบคุณที่พระยาละแวกมาช่วยไทยรบ?? แล้วพระยาละแวกจึงยกทัพกลับ


(อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละชนชาติ)



วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หน้าที่พื้นฐานของประชาชน ที่เสื้อแดงยังไม่เข้าใจ!!




การปกป้องแผ่นดิน และมาตุภูมิ

การปกป้องอธิปไตยของชาติ

นั่นคือหน้าที่ของประชาชนทุกคน


หน้าที่พื้นฐานเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของประชาชนในทุกๆประเทศ


การปกป้องแผ่นดิน ไม่ให้ชาติอื่นมารุกราน คือหน้าที่ของประชาชนทุกคน ไม่ใช่การก่อสงคราม และไม่เรียกว่าสงคราม

เพราะสงคราม คือ การไปรุกรานแผ่นดินชาติอื่น ด้วยการรบ!!

ผมเห็นเสื้อแดงหลายคน คิดว่า การปกป้องแผ่นดิน เรียกว่า การก่อสงคราม ซึ่งไม่ถูกต้อง!!


แค่หน้าที่พื้นฐานของประชาชนเพียงเท่านี้ เสื้อแดงหลายคนยังตีความไม่แตก

แล้วอย่างนี้ จะไปเรียกร้องสิทธิและประชาธิปไตยทำมะเขืออะไร?? เพราะก่อนจะมีประชาธิปไตยได้ ต้องมีชาติมีแผ่นดินก่อน!!


จงจำไว้ หน้าที่ ต้องมาก่อนสิทธิเสมอครับ

เช่น ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามกฏหมายตามหน้าที่ แต่พวกคุณจะเรียกร้องสิทธิของตัวเอง นั่นย่อมไม่ถูกต้อง!!

ตราบใดยังไม่ทำหน้าที่พลเมืองของประเทศโดยสมบูรณ์ สิทธิที่เรียกร้องกันนั้น ย่อมไม่ถูกต้องไปด้วย

เพราะคนไทยเอาแต่เรียกร้องสิทธิ แต่กลับละเลยไม่ค่อยยอมทำตามหน้าที่!!



กรณีเรื่องชายแดน ผมไม่เห็นคนเขมรออกมาบอกกลัวโน่นกลัวนี่ เหมือนคนไทยบางจำพวก เพราะคนเขมรเขารู้จักหน้าที่ของประชาชนมากกว่าคนไทยบางจำพวกนั่นเองครับ


ใหม่เมืองเอก.


------------------------------------------



หน้าที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย (จากhttp://www.kullawat.net/civic/1.5.htm#sect3)

ได้แก่

1 หน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2 หน้าที่ในการป้องกันประเทศ ได้แก่ การช่วยสอดส่องดูแลและแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบถึงภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ เช่น การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด การสมัครเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เป็นต้น

3 หน้าที่ในการรับราชการทหารตามกฏหมาย โดยชายไทยทุกคนเมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์จะต้องไปตรวจเข้ารับการเกณฑ์เพื่อเป็นทหารประจำการเป็นเวลา 2 ปี เพื่อเป็นกำลังสำคัญเมื่อเกิดภาวะสงคราม

4 หน้าที่ในการปฏิบัติตนตามกฏหมายกำหนด ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้สังคมมีความสงบสุข และสมาชิกในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

5 หน้าที่ในการเสียภาษีอากรตามที่กฏหมายกำหนด เพื่อรัฐจะได้มีรายได้ เพื่อนำมาใช้จ่ายภายในประเทศ รวมทั้งจัดสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชนและชุมชนในประเทศ

6 หน้าที่ในการรับการศึกษาภาคบังคับตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฏหมายกำหนด เพื่อช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศต่อไป

7 มีหน้าที่ในการช่วยเหลือราชการตามกฏหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม

8 หน้าที่ในการใช้สิทธิเลือกตั้งโดยสุจริต ในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศ เป็นการจรรโลงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยให้ยั่งยืนสืบต่อไป

9 หน้าที่ในการพิทักษ์และปกป้องศิลปวัฒนธรรมของชาติ เนื่องจากศิลปวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยต้องดูแลและปกป้องรักษาไว้ให้คงอยู่สืบไป

10 หน้าที่ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


สรุป

สิทธิ คือ อำนาจหรือประโยชน์ของบุคคลที่มีกฏหมายให้ความคุ้มครองโดยบุคคลอื่นจะละเมิดไม่ได้

เสรีภาพ คือ อิสระในการกระทำของบุคคลภายในขอบเขตกฏหมาย

หน้าที่ คือ ภาระหรือความรับผิดชอบที่บุคคลจะปฏิบัติตามกฏหมาย

สิทธิเสรีภาพเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีหน้าที่คอยกำกับมิให้การใช้สิทธิ เสรีภาพจนเกินขอบเขตที่กฏหมายกำหนด

สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมีบัญญัติไว้ในกฏหมายรัฐธรรมนูญอย่างแจ้งชัด พลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฏหมาย ทั้งนี้ในสังคมประชาธิปไตย ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรี อิสรภาพและความสามารถของมนุษย์ โดยเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกันในสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น สิทธิในชีวิต ทรัพย์สินและการแสวงหาความสุข ซึ่งมิได้หมายความว่า ทุกคนจะมีความสุขเท่ากัน แต่หมายถึง ทุกคนมีสิทธิ์เลือกหาความสุขตามวีถีทางที่ต้องการ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

นอกจากนี้ มนุษย์พึงได้รับความเสมอภาคแห่งโอกาส ซึ่ง หมายความว่า ทุกคนควรมีโอกาสเท่าเทียมกันที่จะมีชีวิตที่ดี มีความสุขตามที่ตนปรารถนา แม้ว่าความสามารถของแต่ละคน จะไม่เท่ากัน

แต่เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องพยายามสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด เช่น จัดบริการสาธารณูปโภค ขยายการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กระจายอำนาจในการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น


แนะนำอ่าน --> ตรรกะสิ้นชาติ!!

.
.

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทหารอียิปต์ลอยตัว ประชาชนเลยห้ำหั่นกันเอง





ประชาชนอียิปต์ต่อต้านปธน.มูบารัค ได้ปะทะกับประชาชนสนับสนุนมูบารัคแล้ว กลายเป็นจราจลและสงครามกลางเมืองของประชาชนกันเองอย่างรุนแรง

แม้มูบารัค ประกาศจะลงจากตำแหน่งในอีก8เดือนข้างหน้าและจะไม่ลงเล่นการเมืองอีกแล้วก็ตาม แต่ประชาชนที่ต่อต้านก็ไม่ยอม ต้องการให้เขาลงจากตำแหน่งทันที

(เปรียบเสมือนตอน ทักษิณประกาศยุบสภาและประกาศจะไม่ลงเลือกตั้งอีก แต่ยังคงรักษาการณ์นายกฯต่อไป แต่พธม.ไม่ยอม!! จะให้ทักษิณลาออกจากนายกฯทันที)


เมื่อทหารอียิปต์ลอยตัว ไม่ปราบประชาชน แต่ก็ไม่ช่วยประชาชนล้มรัฐบาลเหมือนกัน (ไม่เหมือนทหารฟิลิปปินส์ ที่พอไม่ปราบประชาชนฟิลิปปินส์ตามคำสั่งมากอส ก็หันมาช่วยประชาชนล้มมากอสแทน)

ต่อมาประชาชนฝ่ายที่สนับสนุนปธน.มูบารัค จึงออกมาชุมนุมให้ประชาชนฝ่ายต่อต้านพอได้แล้ว เพราะปธน.ก็ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งในอีก8เดือนข้างหน้าแล้ว

แต่ประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ก็ไม่เชื่อคำของมูบารัค เพราะกลัวจะเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างเยเมน ที่ปธน.เยเมนก็อยู่มา30กว่าปีเหมือนกัน และเคยประกาศว่าจะไม่ลงเลือกตั้งอีกเมื่อเลือกตั้งครั้งก่อนๆ แต่ก็ตระบัดสัตย์ลงเลือกตั้งอีก แล้วก็ชนะซะด้วย (ล่าสุดปธน.เยเมนประกาศอีกว่าจะไม่ลงเลือกตั้งในปี56 และไม่ให้ลูกชายลงสืบอำนาจด้วย คงกลัวเหมือนอียิปต์ตอนนี้)

เพราะมูบารัค แม้จะบอกว่าตนไม่ลงเลือกตั้งอีก แต่ไม่เคยบอกว่า จะไม่ให้ลูกชายตัวเองลง!!

เมื่อประชาชนฝ่ายแรกไม่ยอมเลิกต่อต้านรัฐบาล อีกฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลก็เลยออกมาประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบ้าง

จนตอนนี้ ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างประชาชนทั้ง2ฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว!!


ในยุคทักษิณ หากยังไม่มีการรัฐประหาร19กันยา อาจเป็นไปได้มั้ย??ที่ กลุ่มประชาชนที่สนับสนุนทักษิณจะออกมาต่อต้านกลุ่มประชาชนที่ต่อต้านทักษิณ(พธม.)จนเกิดสงครามประชาชนกลางกรุงเทพแบบที่อียิปต์ก็เป็นได้


นี่คือการคาดการณ์ของผมเล่นๆ เพราะเหตุการณ์มันผ่านมาแล้ว และทหารไทยดันไม่ลอยตัวเหมือนทหารอียิปต์??


คุณว่าถ้าทักษิณยังอยู่ ทหารไม่รัฐประหาร ประชาชนที่สนับสนุนทักษิณและประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณ (ที่ตอนนั้นยังมีทั้งเหวง และใจ และนิติภูมิอยู่ฝ่ายต่อต้านทักษิณด้วย) จะห้ำหั่นกันเองหรือไม่??


akecity

.

ผู้ติดตาม