สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 2554 ครับ
เมื่อ 2 วันที่แล้ว มีข่าวพวกเด็กช่างกลเทคโนดุสิตไล่ตี ไล่ยิงเด็กเทคโนปทุม เข้าในร้าน 7-11 จนมีคนตายไป 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย แถมพวกก่อเหตุยังแอบไปดักหน้าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ดักยิงเพื่อนเด็กเทคโนปทุมฯ บาดเจ็บไปอีก1 ขณะออกจาก รพ. หลังไปดูศพเพื่อน
คลิปสุดถ่อยของนักเรียนนักเลงช่างกล
พอเห็นแล้วเราคนไทยคงได้แต่สลดและอิดหนาระอาใจ กับสังคมไทยที่ศีลธรรมเสื่อมโทรมถอยลงทุกวัน เพียงแค่อยู่คนละสถาบันฯ มันก็ฆ่ากันได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีความแค้นเคืองกันมาก่อน
หรือบางครั้งพวกถ่อยในคราบนักเรียนนักเลงก็ยิงปืนขึ้นไปบนรถเมล์ โดยไม่สนว่าจะมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ คนอื่น ๆ จะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
(ซึ่งเมื่อหลายปีก่อน เคยมีสาวเคราะห์ร้ายคนหนึ่งต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต จากการโดนลูกหลงจากกระสุนปืนของเด็กช่างกลที่ยิงขึ้นไปบนรถเมล์สาย 26 )
อย่างในคลิปเหตุการณ์ล่าสุดนี้ พวกนักเรียนนักเลงมันก็ยิงเข้าไปในเซเว่น ฯ โดยไม่สนว่า จะไปโดนประชาชนคนอื่น ๆ
แม้ตำรวจจะได้ออกหมายจับพวกเห้ ๆ พวกนี้ไปแล้ว
แต่ถามหน่อยว่า เมื่อศาลพิพากษาแล้ว พวกนักเรียนนักเลงเลว ๆ พวกนี้จะได้รับโทษสาสมแค่ไหน คาดว่า อีกแค่ไม่กี่ปีพวกนี้มันก็คงออกมาเดินเฉิดฉายในสังคมได้อีกครั้ง
นั่นเป็นเพราะความอ่อนแอของบทลงโทษในกระบวนการยุติธรรมของไทย
"กฎหมายมันต้องยิ่งแรงขึ้น หากศีลธรรมผู้คนเสื่อมถอยจึงจะถูกต้อง"
คำพูดประโยคนี้ ผมอ้างจากคำพูดของดร.วิป หรือ ดร. วิพรรธิ์ เริงพิทยา อธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ชลบุรี (ASIAN UNIVERSITY) โดย ดร.วิปเคยพูดออกอากาศในรายการ "ช่วยคิดช่วยทำ" ของคุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์
พอผมได้ดูได้ฟังที่ดร.วิปพูดแล้ว ก็เห็นด้วย 100%
อธิบายความ คือ ประเทศในยุโรปในอดีต บทลงโทษต่าง ๆ ทางกฎหมายเขาหนักและเข้มงวดมาก และเคยมีโทษประหารชีวิตกันแทบทุกประเทศ จนประชาชนเริ่มกลัวการกระทำผิดกฎหมาย
แล้วพอประชาชนผ่านพ้นจากความกลัว ก็เริ่มกลายเป็นนิสัย ประชาชนเริ่มมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมกันมากขึ้น จนประเทศเขามีคดีความลดน้อยลง
รัฐบาลประเทศในยุโรปเขาถึงค่อย ๆ แก้กฎหมายลดบทลงโทษลง แล้วในที่สุดก็ยกเลิกโทษประหารชีวิต เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีจิตสำนึกดีแล้ว
ซึ่งต่างจากประเทศไทย ที่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังแก้ไขไม่ได้ คดีฆ่ากันตายก็ไม่เคยลดลง ประชาชนจำนวมากยังไร้จิตสำนึกสาธารณะ แต่ดันจะคิดลดบทลงโทษลง คิดจะยกเลิกการลงโทษประหารชีวิตซะแล้ว
พวกยุโรปเขาผ่านช่วงเลวร้ายมาแล้ว เขาย่อมพูดได้ว่า โทษประหารชีวิตไม่มีประโยชน์ เพราะเขาเลยจุดนั้นมาแล้ว
บ้านเมืองไทยเรานี่ก็แปลก คือ กระบวนการยุติธรรมชอบเมตตาสงสารพวกชั่วเป็นพิเศษ แต่คนดี ๆ ที่ต้องตาย ต้องมารับเคราะห์ หรือพิการไปตลอดชีวิตรายแล้วรายเล่าไม่มีวันจบสิ้น
คำพูดที่ว่า ขอให้รายนี้เป็นกรณีสุดท้าย ขอให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ แต่ในความเป็นความจริง เหตุการณ์คนชั่วทำร้ายคนดีตายฟรี หรือบาดเจ็บฟรี หรือพิการฟรี ก็ไม่เคยมีการลดลง นับวันมีแต่ยิ่งเพิ่มขึ้น ๆ
ถ้าตราบใดกฎหมายเมืองไทยยังเมตตาปราณีพร่ำเพรื่อกับคนพาลสันดานเลวแบบนี้ต่อไป
----------------------------
ยกตัวอย่างคดีและกฎหมายเฉียบขาดของประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อหลายปีก่อน ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คุณสู่ขวัญ ได้รายงานข่าวคดีในสหรัฐอเมริกา คดีนึง (ขออภัยที่จำรายละเอียดไม่ได้)
คดีนั้นเกี่ยวกับนักเรียนชายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นคดีที่นักเรียนอเมริกัน อายุ 15 ปี คนนึง เขาได้นำปืนมายิงครู และเพื่อน ๆ ในห้อง และคนในโรงเรียนอีกหลายคน จนบาดเจ็บ และเสียชีวิตไปหลายราย
คดีนี้สะเทือนขวัญคนอเมริกันอย่างมาก
คุณผู้อ่าน ลองทายซิว่า กฎหมายของสหรัฐอเมริกา เขาจัดการกับนักเรียนชายคนนี้อย่างไร??
คำตอบ ก็คือ กฏหมายสหรัฐอเมริกา เขาจับนักเรียนคนนี้ขังสถานกักกันคดีเด็กและเยาวชน ของบ้านเขาไป 5 ปี
แล้วพอ นักเรียนคนที่ก่อคดีนี้มีอายุครบ 20 ปี ก็ถูกส่งขึ้นศาลผู้ใหญ่ แล้วนักเรียนคนนี้ก็ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ไปครับ
เป็นไงครับ นี่คือกฏหมายของสหรัฐอเมริกาเขาแหล่ะ แต่ไม่เห็นมีพวกนักสิทธิมนุษยชนบ้า ๆ แบบในประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศออกมาด่ามาเรียกร้องให้ล้มเลิกโทษประหารชีวิตของสหรัฐอเมริกาเลยครับ
นั่นเพราะ รัฐบางรัฐในสหรัฐอเมริกา เขาได้มีการทำประชามติกันแล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการให้คงโทษประหารเอาไว้
(ในบางรัฐของอเมริกา ก็มีการยกเลิกโทษประหารไปแล้วเพราะสถิติอาชญากรรมรุนแรงลดลง แต่ในอีกหลายๆรัฐโทษประหารยังคงอยู่ แต่ก็มีบางรัฐที่เคยยกเลิกโทษประหารไปแล้ว แต่ก็กลับเอาโทษประหารกลับมาใช้ใหม่ก็มี เพราะเมื่อสถิติอาชญากรรมเริ่มเพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้น ก็จะนำกฏหมายโทษประหารกลับมาอีก)
---------------------------
คดีเด็กเก็บกดในอเมริกา ขู่ฆ่าอาจารย์และเพื่อนๆ
มีอีกกรณีนึง ยังไม่ถึงขั้นเป็นคดี แต่เป็นแค่คำขู่
เรื่องมีอยู่ว่า มีนักเรียนมัธยมคนหนึ่ง ได้เขียนในทวิสเตอร์ของตัวเองว่า เขารู้สึกอยากจะฆ่าครูและเพื่อน ๆ บางคนของเขา ด้วยวิธีการต่างๆตามที่เขาเขียนบรรยายไว้
เมื่อทางโรงเรียนรู้เรื่องนี้ ก่อนที่อาจจะเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
ทางโรงเรียนก็ตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที
แม้พ่อแม่ของนักเรียนคนนั้นจะขอร้องทางโรงเรียนว่า นักเรียนจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีก 2 ปีข้างหน้า ขอให้โรงเรียนเมตตาแก่ลูกของพวกเขาด้วย
แต่โรงเรียนในสหรัฐอเมริกา ไม่เหมือนกับโรงเรียนในประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ ครับ ที่ขนาดนักเรียนคนนึงเผาโรงเรียน โรงเรียนก็ยังเมตตาให้เรียนต่อไป เพราะอ้างสงสารอนาคตเด็ก ไม่อยากทำลายอนาคตของเด็ก
อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละประเทศ แต่ที่สหรัฐอเมริกาเขาเด็ดขาดจริง
แต่คุณผู้อ่านไม่ต้องห่วงนักเรียนอเมริกันคนที่ว่านี้นะครับ นักเรียนคนนี้ก็เพียงแค่ต้องอยู่เรียนเองที่บ้าน อ่านหนังสือเองที่บ้าน แล้วไปสอบเทียบเกรดเอาครับ
----------------------------
เมื่อคดีเมาแล้วขับ คือ ความผิดอาญาร้ายแรง (เทียบขั้นฆาตกรรม)
เมื่อหลายปีก่อนในสหรัฐอเมริกา มีคดีที่คุณยายและลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์ กับหลานสาววัย 4 ขวบอีก 1 คนกำลังเดินทางข้ามรัฐ
โดยคุณยายเป็นคนขับรถ มีลูกสาวของคุณยายและหลานสาวนั่งรถไปด้วย แต่แล้ว ก็เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับของคนอื่น ที่ขับรถมาพุ่งชนรถของคุณยายอย่างรุนแรง
ลูกสาวที่กำลังท้องของคุณยายเสียชีวืตทันที !! ส่วนหลานสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคุณยายบาดเจ็บพอควร
หลังจากคุณยายหายดีแล้ว คุณยายได้เดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อรณรงค์ให้ประเทศสหรัฐอเมริกาออกกฎหมาย ให้กำหนดว่า ผู้ที่เมาแล้วขับ ขับรถชนคนตาย ถือเป็นการฆาตกรรม
คุณยายเดินสายรณรงค์แบบนี้อยู่หลายปี คุณยายไปรณรงค์ถึงทำเนียบขาว จนในที่สุด ปธน.บิล คลินตัน ต้องร่วมเซ็นชื่อสนับสนุนการออกกฏหมายที่ว่านี้ ว่า การเมาแล้วขับรถชนคนตาย ถือเป็นความผิดอาญาร้ายแรง เป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งต่อมาได้มีการออกกฎหมายนี้จริง ๆ เพื่อใช้กันในหลายรัฐของสหรัฐ ฯ
อ่านตัวอย่าง กฎหมายเมาแล้วขับในสหรัฐอเมริกา ได้ที่
http://www.ncsl.org/Portals/1/documents/transportation/drunkdrivesanctions.pdf
เช่น กฎหมายเมาแล้วขับรถชนคนตายของรัฐเทนเนสซี่
Vehicular Homicide: If a person operates a vehicle under the influence of alcohol
or drugs, or with a prohibited alcohol or drug content, and his conduct causes the
reckless killing of another person, the person is guilty of a Class B felony that
carries eight to 30 years' imprisonment
แปล
การฆาตกรรมด้วยยานพาหนะ : ถ้าเกิดบุคคลใดขับยานพาหนะภายใต้อิทธิพลที่เกิดจากแอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด(drug) หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ แล้วพฤติกรรมนี้ของเขาก่อให้เกิดการฆาตกรรมต่อบุคคลอื่นโดยความประมาท
บุคคลนั้นมีความผิดอาญานี้ในชั้น B เป็นข้อหาอุกฉกรรจ์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 8-30 ปี
---------------------------
กฎหมายในสหรัฐอเมริกา เช่น หากคุณไปดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อนจนเมา หลังจากนั้นคุณได้ขับรถกลับบ้าน แล้วบังเอิญคุณถูกตำรวจตรวจจับว่า คุณเมาแล้วขับ
นอกจากคุณจะโดนคดีเมาแล้วขับแล้ว เพื่อนของคุณที่ให้เหล้าคุณดื่มจนเมา แล้วยังปล่อยให้คุณขับรถกลับออกมาจากบ้านของเขาได้
เพื่อนของคุณก็โดนโทษให้การสนับสนุนคนเมาแล้วขับด้วยเช่นกันครับ.
นี่แหล่ะครับกฎหมายแบบอเมริกา!!
---------------------
ขอแถมอีกสักคดี
พอดีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ผมพึ่งได้อ่านข่าว เด็กอายุ 11ขวบ ถูกตำรวจจับ โทษฐานเพราะวาดรูป คนเอาปืนยิงครู พร้อมเขียนกำกับว่า "พวกครูต้องตาย"
คุณผู้อ่านลองไปอ่านข่าวดูสิครับ จะช่วยทำให้คุณผู้อ่านมองเห็นวิธีคิดเรื่องกฏหมายของคนอเมริกันในอีกมุมนึงครับ
คลิกอ่านข่าวนี้ที่ http://news.sanook.com/1003960
ใช่แล้วค่ะ เลดี้ก็รู้เรือ่งนี้ เพราะเป็นข่าวนี้ใหญ่มากค่ะ ที่ทำให้กฎหมายอเมริกาเปลี่ยน เพราะทำไมคนต้องมาตายเพียงเพราะคนเมาแล้วขับรถทำให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาตาย
ตอบลบเป็นเรื่องที่สังคมต้องลงโทษ
ถ้าเราเป็นยายคนนี้ เกิดอุบัติเหตถ และผลก็คือ
'ลูกสาวที่กำลังท้องของคุณยายเสียชีวืตทันที!! ส่วนหลานสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคุณยายบาดเจ็บพอควร'
เราคงไม่ต้องมาเห็นใจคนเมาแล้วขับ หรือว่าสงสารเพราะเขาเมาไม่รู้สึกตัวกันแน่ อย่างน้อยที่สุด ก่อนเมามีสติสัมปชัญญะ และรู้ว่า ถ้าเมาแล้วขับจะเกิดอะไรขึ้น
สวัสดีครับคุณเลดี้ เรื่องนี้ในเมืองไทยยังเป็นข้อถกเถียงกันมาก
ตอบลบแต่ผมคิดว่า อย่างน้อยที่สุด ถ้าเมาแล้วขับ โดนจับได้ ประเทศไทยควรปรับปรุงบทลงโทษให้หนักขึ้น
อเมริกา ขนาดปารีสฮิลตัน ก็ยังติดคุกมาแล้ว