วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถ้าฉลาด!!ต้องไม่ให้น้ำเหนือเข้ากรุง?






หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้เขียนที่บล็อคนี้ เพราะเดี๋ยวนี้บล็อคนี้จะเน้นสาระมากกว่าไร้สาระ ส่วนบล็อคเซียนแซวการเมือง จะไร้สาระมากกว่ามีสาระ ^^

--------------

ในหลวงทรงตรัสว่า น้ำเหนือไม่ควรผ่านเข้ามาในกรุงเทพเพราะ

ผมขออธิบายรายละเอียด เพราะว่ากทม.มีสิ่งกีดขวางน้ำมากมาย มีระบบท่อระบายน้ำที่โยงใยไปทั่วกรุงเทพฯ น้ำเหนือมุดลงใต้ดินควบคุมยาก อยู่ๆอาจไปโผล่ที่สีลมเลยก็ได้ ที่สำคัญเพราะกรุงเทพฯต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา

ถ้าน้ำเข้ามาในกรุงเทพฯแล้ว จะไม่ออกทะเลง่ายๆครับ เข้าง่ายออกยาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกที่ไม่ติดทะเล น้ำจะเดินทางช้าและขังอย่างยาวนาน แถมเน่าสนิทด้วย เพราะน้ำจะดันสิ่งสกปรกขึ้นมาตามท่อ

น้ำที่เข้ามาในกรุงเทพฯแล้ว จะออกยาก เพราะการนำน้ำออกจากกรุงเทพฯมีหนทางเดียวที่ทำได้เร็วที่สุด คือการสูบน้ำออกไปเท่านั้น เพราะกรุงเทพส่วนใหญ่ต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา แต่กรณีน้ำเหนือที่มากมหาศาล สูบเท่าไหร่ก็ไม่ทัน

คลิกรูปเพื่อขยาย!!


นักวิชาการท่านนึง ที่มาออกรายการช่วยคิดช่วยทำ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บอกว่า ถ้าวันนี้ไม่มีคลองลัดโพธิ์ของในหลวง ป่านนี้ท่วมหนักทั้งกรุงแล้วครับ เพราะคลองลัดโพธิ์คลองเดียวสามารถผลักดันน้ำลงทะเลได้มากถึงวันละ150ล้านลบ.ม.ต่อวัน ระบายน้ำได้มากกว่าระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ถึง50ล้านลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งในอนาคตต้องมีการขุดและปรับปรุงคลองลัดแม่น้ำต่างๆให้มากขึ้น

-----------------

คนกรุงเทพฯน้ำท่วมไม่ได้เหรอไง

คนต่างจังหวัดบางคนอาจบอกว่า ทำไมคนกรุงเทพฯน้ำท่วมไม่ได้ ทำไมให้แต่คนต่างจังหวัดท่วม?

เรื่องนี้ ผมเคยอธิบายในบทความ "ทำไมต้องปกป้องไม่ให้กรุงเทพน้ำท่วม" แล้ว บทความนี้ไม่อยากเอ่ยซ้ำอีก

แต่ความคิดแบบนี้ขอเถอะครับ อย่าคิดแบบนี้เลย คนกรุงเทพฯน่ะน้ำท่วมได้ครับ ท่วมประจำ ฝนตกติดต่อกันสักครึ่งชั่วโมงก็ท่วมแล้วครับ

แต่น้ำเหนือที่มานั้นมากมายมหาศาล ถ้าเข้ากรุงเทพฯ เขาจะเรียกว่า ท่วมกรุงเทพที่เดียวจะกระเทือนไปทั้งประเทศ

ผมลองสมมุติตัวอย่างให้คนต่างจังหวัดคิดง่ายๆนะครับ

ถ้าสมมุติ คุณมีแม่ที่ป่วย และต้องเข้ามารักษาที่กรุงเทพฯ แต่แล้วน้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ ท่วมโรงพยาบาลที่แม่คุณพักอยู่ คุณยังอยากให้กรุงเทพฯน้ำท่วมอีกมั้ยครับ?

ยกอีกสักตัวอย่างก็ได้ เช่น คุณอยู่ต่างจังหวัด แต่ลูกคุณ หลานคุณทำงานและซื้อบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ย่านสายไหม คุณยังอยากให้น้ำท่วมกรุงเทพฯมั้ยครับ?

นี่คือวิธีคิดที่เรียกว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ไม่มีใครอยากให้ทุกที่น้ำท่วม ผมเห็นคนต่างจังหวัดน้ำท่วม ผมก็สงสาร และคิดในมุมเดียวกันว่า ถ้าผมเป็นคนต่างจังหวัดเช่นอยุธยา อ่างทอง ผมก็คงทุกข์มากเช่นกัน

คนกรุงเทพฯ ไม่ได้เติบโตกับแม่น้ำลำคลองมากเท่าคนต่างจังหวัด หมู่บ้านนึงไม่มีเรือเลยสักลำ แถมท่วมแล้ว น้ำก็เน่าสุดๆ

ที่สำคัญ ถ้ากรุงเทพฯท่วม คือวิกฤติในสายตาคนต่างชาติ กรุงเทพฯท่วมที่เดียว ชาวต่างชาติขาดความมั่นใจ ไม่กล้ามาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะแยะเลยครับ

แบบนี้กระทบต่างจังหวัดมั้ยครับ? กระทบแน่นอน!!

------------------


คำถาม กรุงเทพอย่ากั้นน้ำสิ ?

ปล่อยให้น้ำไหลไปอย่างธรรมชาติสิ อย่าไปกั้นขวาง ปล่อยให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติ จะได้รีบๆจบเสียทีจริงมั้ย?


คำตอบคือ คนที่พูดแบบนี้ เพราะเขาไม่เข้าใจถึงปัญหาของกรุงเทพฯ การที่ปล่อยให้น้ำไหลเข้ากรุงเทพฯ ได้นั่นแหล่ะ คือการยิ่งขวางน้ำอย่างมาก เพราะกรุงเทพฯไม่ใช่ทุ่งนาแบบต่างจังหวัด แต่มีสิ่งปลูกสร้างเต็มพื้นที่ ขวางทางน้ำทั้งนั้น ถ้าเข้ากรุงเทพ ยิ่งจบช้า!!

การปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพมาได้ ก็คือการยิ่งไปขวางทางไหลของน้ำ น้ำเข้ามาแล้วไม่ยอมออก เพราะกรุงเทพฯต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าปล่อยเข้ามา คือท่วมขังอย่างเดียว

วิธีที่นำน้ำออกจากกรุงเทพฯได้ คือต้องสูบออกเท่านั้น ไม่ใช่ไหลผ่านกรุงเทพฯแล้วจะไหลลงทะเลไปเองง่ายๆ

คนกรุงเทพฯบางคนมีน้ำใจ!!

คนกรุงเทพฯหลายคนก็บอกว่า อยากให้ปล่อยน้ำไหลเข้ามา อย่าไปกั้นมัน มันจะได้จบๆ แต่นั่นหารู้ไม่ว่า

ถ้าปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพฯโดยไม่มีการจัดการแล้ว นี่แหล่ะคือการทำลายกรุงเทพฯให้ย่อยยับ ซึ่งในหลวงยังทรงห้าม!!

เพราะถ้าปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพฯ กรุงเทพฯจะท่วมหนักกว่าทุกจังหวัด พังเสียหายยิ่งกว่าทุกจังหวัด และเดือดร้อนยิ่งกว่าทุกจังหวัด และน้ำจะขังในกรุงเทพฯนานที่สุดกว่าทุกจังหวัด!!

ใครไม่เข้าใจคุณต้องกลับไปอ่านพระราชดำรัสเมื่อปี38หลายๆรอบ!!

----------------

ระบบการระบายน้ำที่ในหลวงทรงวางไว้

ทั้งรัชกาลที่5 ที่6 ที่9 ได้ทรงวางระบบระบายน้ำไว้ ว่าด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ คือแนวรับน้ำหลากทุ่ง ถ้าตรงนี้ได้พัฒนาเป็นแนวฟลัดเวย์อย่างสมบูรณ์ กรุงเทพฯชั้นในก็จะปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องมีระบบสูบน้ำเหนือ

และณ.ปัจจุบันนี้ ระบบการระบายน้ำของกทม. ถูกออกแบบเพื่อระบายน้ำฝนเท่านั้น ซึ่งยังต้องมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกหลายจุด แต่วันนี้มีน้ำเหนือทะลุเข้ามา เกินกำลังที่กทม.จะระบายน้ำได้ทันครับ

คลิกรูปเพื่อขยาย


ให้สังเกตที่ด้านล่างขวาของจังหวัดสมุทรปราการ มีตัวpในวงสีแดง นั่นคือสถานีสูบน้ำของกรมชลประทาน มีมากมายหลายสถานีที่จะสูบน้ำลงทะเล แถมมีกำลังสูบสูงมากๆด้วย(ส่วนตัวp ในวงสีน้ำเงิน คือสถานีสูบน้ำของกทม.)

ปีนี้น้ำยังไปไม่ค่อยถึงสมุทรปราการเท่าไหร่ครับ  เสียดายน้ำยังไปไม่ถึง เพราะน้ำมัวแต่เที่ยวกรุงอยู่ และมีสิ่งก่อสร้างมากมายบนพื้นที่ฟลัดเวย์ ทำให้น้ำไหลไปช้ามาก เมื่อน้ำไหลช้า ลงทะเลไม่ทัน ก็เอ่อท่วมพื้นที่ด้านข้างที่น้ำไหลผ่่านทั้งหมด

ซึ่งณ.วันนี้น้ำเริ่มเดินทางไปทางด้านตะวันออกแล้ว แต่ที่ไปทางตะวันออกได้ก็เมื่อน้ำล้นจากกรุงเทพฯชั้นในแล้วนั่นเอง ซึ่งที่ผ่านๆมาไม่น่าจะช้าแบบนี้

ถ้าเราสังเกตตั้งแต่ด้านขวาของปทุมธานี เราจะเห็นแนวคลองมากมายของคลองตั้งแต่คลอง1ถึงคลอง13 โดยเฉพาะคลอง13 จะมีสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อดึงน้ำออกไปทางตะวันออก ผันไปลงทางน้ำแม่น้ำบางปะกง

(ซึ่งปัญหาที่คลอง13ในปี54นี้คือ มีเครื่องสูบน้ำน้อยไป มีปัญหาเครื่องสูบน้ำเสีย ทำให้การดึงน้ำมวลมหาศาลไปทางตะวันออกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ล่าช้า)

ส่วนคลองตั้งแต่คลอง6 - คลอง12 ก็ให้เปิดประตูระบายน้ำเพื่อให้น้ำไหลลงที่เขตนอกคันกั้นน้ำ ที่ถูกกันไว้เป็นฟลัดเวย์(เดิม) แต่ต้องควบคุมการไหลของปริมาณน้ำได้ ไม่งั้นอาจล้นเข้าเขตในคันกั้นน้ำได้ น้ำจะไหลลงมาตามแนวคลองที่มีลงสู่สมุทรปราการเพื่อสูบน้ำออกทะเล

แต่วันนี้ ไม่สามารถบริหารจัดการเปิดประตูระบายน้ำได้ตามที่ควรเป็น เพราะปัญหามวลชนต่อต้าน สาเหตุก็เพราะคลอง13ดึงน้ำน้อยไปช้าไป ทำให้มวลชนคลอง8 9 10 เดือดร้อนนานเกินควร

ในช่วงที่น้ำหลากมาก ตามคลองก็จะล้นเอ่อท่วมพื้นที่แถบฟลัดเวย์ได้ เพราะพื้นที่นี้ถูกกันไว้เป็นทางน้ำหลากอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันถูกสิ่งก่อสร้างบุกรุกยึดคลองพื้นที่ไปเสียแล้ว

คันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริฝั่งตะวันออก ก็คือถนนหลายสายเชื่อมต่อกัน เริ่มต้นที่ถนนพหลโยธินทางตอนเหนือกรุงเทพ ไล่ไปทางตะวันออกได้แก่ ถนนสายไหม ถนนหทัยราษฎร์ ถนนร่มเกล้า ถนนกิ่งแก้ว ลงสู่จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทาง72กิโลเมตร สังเกตแนวเส้นสีแดง

บางคนถามว่า ทำไมกรุงเทพมหานครไม่ค่อยขุดลอกคูคลองเลย กรุงเทพฯจึงได้ตอบมาว่า คลองควรขุดลอกทุกปี ถ้าจะให้ขุดลอกอย่างดีทุกปี ต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ650ล้านบาท แต่ทุกวันนี้กรุงเทพฯมีงบประมาณขุดลอกคูคลองเพียงปีละ30ล้านบาทเท่านั้น

---------------

ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องเข้มงวดกับกฏระเบียบ กฏหมายบ้านเมืองอย่างจริงจังเสียที

เช่น บ้านที่ปลูกรุกล้ำแม่น้ำคลอง  ต้องรื้อให้หมด เพราะนี่คือที่ทางสาธารณะ อาจยอมจ่ายค่ารื้อถอนให้ชาวบ้านพวกนี้ไป ชาวบ้านอาจจะอ้างว่า ทำไมต้องรังแกคนจน?  ผมว่าเขาไม่เอาติดคุกก็ดีถมแล้ว

และผมว่ามันไม่เกี่ยวกับคำว่า คนจนหรือคนรวย ถ้าใครละเมิดกฏหมายก็ต้องได้รับบทลงโทษทางกฏหมายเหมือนกัน

ส่วนตึกแถวห้างร้านที่วางของรุกล้ำฟุตบาท ก็ต้องเล่นงานเช่นเดียวกัน กทม.ปล่อยปละละเลยมามากแล้ว ต้องถึงเวลาโหดเพื่อบ้านเมืองอยู่รอด

การที่รุกล้ำคูคลอง ก็คือสาเหตุนึงที่ทำให้ส่วนรวมต้องเดือดร้อน เพราะคำว่า ผมคนจน ฉันคนจน ฉันไม่มีที่อยู้่ ขอฉันละเมิดกฏหมายเถอะนะ สงสารฉันเถอะ

อย่างคนรวยหลายราย ไม่ยอมให้กทม.ไปสร้างคันกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเกิดเหตุคันพังหลายจุดเช่นในเขตบางพลัด

มันก็ถึงเวลาที่ต้องเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนแล้วครับ


ข้อมูลบางอย่างจาก http://dds.bangkok.go.th/News_dds/magazine/plan50/plan03.pdf


ปล.บทความต่อไป จะนำตัวเลขการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ในสมัยรัฐบาลยิ่งเละมานำเสนอครับ^^





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม