คุณผู้อ่านครับ ผมได้เขียนอธิบายเรื่องการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนมาตลอดเดือนตุลาคม จนถึงพฤศจิกายน ในหลายบทความมากๆ ผมอธิบายไปแล้วว่า ทำไมน้ำในเขื่อนในแต่ละช่วงถึงได้มากกว่าทุกปีที่ผ่านมาอย่างไร และผมไม่เชื่อเรื่องการกักน้ำเพื่อแกล้งรัฐบาลนี้ และไม่อยากให้ใครเอาประเด็นนี้มาใส่ร้ายกัน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แต่ก่อนก็ดูดีนะครับ แต่พักหลังๆดูท่านเรืองไกรจะเข้าข้างแม้วมากขึ้น หรือเพราะแอบไปรับใต้โต๊ะที่ดูไบแอนด์มอนเตรเนโกรรึเปล่า? ใครจะไปรู้?
ในเมื่อยังจะมีคนอยากเล่นประเด็นกักน้ำแกล้งยิ่งลักษณ์นี้ต่ออีก ผมจึงขอมาสรุปคร่าวๆให้คุณเรืองไกรหายโง่!!
การที่คุณเรืองไกร บอกว่าการบริหารน้ำในเขื่อนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ผิดพลาดนั้น ไม่น่าจะจริงครับ เพราะรัฐมนตรีที่คุมกรมชลประทานก็คือรมว.เกษตรและสหกรณ์ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็คือคนๆเดียวกัน คือนายธีระ วงศ์สมุทร จากพรรคชาติไทยพัฒนา
ฉะนั้น ตัวเลขน้ำในเขื่อนตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์จนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น คนที่รู้เรื่องดีที่สุดก็คือ นายธีระ วงศสมุทร
ซึ่งต่อมานายธีระ ได้ออกมายอมรับในสภาเองว่า ได้เคยสั่งชะลอน้ำเพื่อไม่ต้องการซ้ำเติมพื้นที่อุทกภัยใต้เขื่อน และต้องการช่วยเหลือชาวนาให้ได้เก็บเกี่ยวข้าวก่อน คลิกอ่านข่าวนี้
จึงสรุปว่า ในเมื่อรมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นคนๆเดียวกัน ทำให้ย่อมรู้สภาพน้ำในเขื่อนมาก่อนดีอยู่แล้ว แล้วที่เสื้อแดงจะมากล่าวหาว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์วางยารัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงเป็นข้อกล่าวหาของพวกแถ!!
-------------------------
รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้บกพร่องในการจัดการน้ำ
เพราะเขื่อนมีหน้าที่หลักคือ กักเก็บน้ำในหน้าฝน เพื่อเอาน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ซึ่งตามปกติฤดูฝนก็เริ่มจากกลางเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม นี่คือช่วงต้นฤดูฝน ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มีอำนาจอยู่แค่ในช่วงต้นฤดูฝนเท่านั้น การกักเก็บน้ำในหน้าฝนของเขื่อนใน3เดือนนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เพราะหลักการบริหารเขื่อนคือ กักน้ำในหน้าฝน เพื่อใช้ยามแล้ง
แต่ที่มันผิดปกติคือ ปี54นี้หน้าฝนมาเร็วและชุกมาก แค่เดือนพฤษภาคมก็เริ่มมีอุทกภัยในหลายพื้นที่แล้ว แถมปี54มีพายุเข้าไทยตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ต่อต้นเดือนกรกฎาคมติดกัน2ลูก ตามที่ผมเคยอธิบายรายละเอียดในบทความ การบริหารน้ำในเขื่อนภูมิพลไม่ผิดพลาด
เขื่อนใหญ่ทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ก็ได้พยายามชะลอน้ำเพื่อไม่ไปซ้ำเติมพื้นที่ใต้เขื่อนที่กำลังประสบอุทกภัยอย่างดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม เขื่อนจึงได้พยายามรับน้ำไว้เพื่อไม่ปล่อยน้ำไปท่วมพื้นที่ใต้เขื่อน
รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ประชุมครม.นัดสุดท้ายในวันที่1ส.ค.2554 นั้น ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลในวันที่1ส.ค.54 มีปริมาณ 8,531.04 ล้านลบ.ม. หรือ 63.37%ของความจุเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังเป็นภาวะปกติ!!
เพราะขนาดมีพายุเข้ามาหลายลูก น้ำก็ยังมีเกินครึ่งเขื่อนมานิดหน่อย แถมเข้าฤดูฝนมาแล้วร่วมๆ 3 เดือน
และเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาในเดือนสิงหาคม เป็นช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งมีภาวะน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัดอยู่แล้ว ยิ่งลักษณ์ได้รับโปรดเกล้าในวันที่8สิงหาคม แม้จะยังไม่ตั้งรัฐบาล แต่นายกฯสามารถใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเข้าแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ทันที ถ้าคิดจะทำ!!
ในวันที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชุมครม.ยิ่งลักษณ์ นัดแรกคือวันที่ 11สิงหาคม2554 นั้น
น้ำในเขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 70.50%ของเขื่อน หรือ 9,490ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ 86.38% ของเขื่อน หรือ8,214ล้านลบ.ม
มีการรายงานปริมาณน้ำในเขื่อนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทุกครั้งในการประชุมครม. เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เห็นปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งสองแห่งมีปริมาณเริ่มสูงขึ้น เพราะรับพายุมาแล้วถึง2ลูก ถ้าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ฉลาดจริงๆ ก็ควรจะเริ่มพร่องน้ำได้แล้วใช่มั้ย?
แล้วทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงไม่เคยพร่องน้ำในเดือนสิงหาคมเลยล่ะ? อ๋อ!! มัวแต่ยุ่งเรื่องช่วยพี่ชายเข้าญี่ปุ่นอยู่ มัวแต่ยุ่งเรื่องนโยบายประชานิยมอยู่
-------------------------
ขอยกตัวอย่างปริมาณการรับน้ำและการปล่อยน้ำของเขื่อนภูมิพล ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์
(ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (กฟผ.) รายงานสภาพน้ำและการระบายน้ำ)
ผมคงไม่ยกมาทุกวันเพราะจะยาวมาก แต่ขอยกมาเฉพาะหลังวันประชุมครม. ก็แล้วกัน
หลังประชุมครม.วันที่11สิงหาคม2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่12สิงหาคม /2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 67.61ล้านลบ.ม. น้ำไหลออก 18.74 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 9,539.53ลบ.ม. หรือ70.86%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่16สิงหาคม2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่17สิงหาคม2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 54.40 ล้านลบ.ม น้ำไหลออก 33.00ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 9,730.04ล้านลบ.ม. หรือ72.28%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่25สิงหาคม2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพบวันที่26สิงหาคม2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 75.44 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออก 28.97 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณ 10,116.74ล้านลบ.ม. หรือ 75.15%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่30สิงหาคม2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่31สิงหาคม2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 81.06 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออก 33.32 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 10,483.38 ล้านลบ.ม. หรือ 77.87%ของความจุ
คำถาม ทำไมในเดือนสิงหาคม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังให้เขื่อนรับน้ำเข้ามากกว่าน้ำไหลออกต่อไป?
--------------------
ทีนี้มาดูในเดือนกันยายน54กันต่อครับ ซึ่งเดือนนี้กลับปล่อยน้ำออก น้อยกว่า น้ำเข้ามาก
หลังการประชุมครม.วันที่6ก.ย.2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่7ก.ย.2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 84.19 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออกแค่ 10.06 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 10,864.00 ล้านลบ.ม. หรือ 80.70%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่13ก.ย.2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่14ก.ย.2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 138.35 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออกแค่ 20.00 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 11,557.69 ล้านลบ.ม. หรือ 85.85%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่20ก.ย.2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่21ก.ย.2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 73.44 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออกแค่ 28.24 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 11,994.65 ล้านลบ.ม. หรือ 89.10%ของความจุ
หลังการประชุมครม.วันที่27ก.ย.2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่28ก.ย.2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 117.99ล้านลบ.ม. น้ำไหลออกแค่ 20.00 ล้านลบ.ม.
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 12,381.60 ล้านลบ.ม. หรือ 91.97%ของความจุ
-------------------------
ทำไมเดือนกันยายนน้ำเข้ามาก แต่กลับปล่อยน้ำน้อย
คุณผู้อ่านสังเกตมั้ยครับว่า ทำไมในเดือนกันยายนน้ำในเขื่อนไหลเข้ามาก แต่น้ำไหลออกกลับน้อยผิดปกติไปหน่อย?
ผมจะเฉลยให้ ก็เพราะ ชาวนาเริ่มปลูกข้าวนาปีในเดือนพฤษภาคม และจะไปเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน ไงครับ
เมื่อเดือนกันยายนคือฤดูเก็บเกี่ยว ถ้าปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมาก ชาวนาจะอดเก็บเกี่ยวข้าวไงครับ ซึ่งเดือนตุลาคมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้เปิดโครงการรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าตลาดโลกไงครับ
ถึงบางอ้อมั้ยครับ?
นี่ถ้าผมเอาตัวเลขตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงกันยายนมาให้ดูทุกวัน ก็จะยิ่งเห็นการปล่อยน้ำออกน้อยกว่าน้ำไหลเข้าทุกวัน!!
----------------------
ทีนี้มาดูในเดือนตุลาคม54กันต่ออีกสักวันครับ
หลังการประชุมครม.วันที่4ต.ค.2554
สถานการณ์เขื่อนภูมิพลวันที่5ต.ค.2554
น้ำเข้าเขื่อนภูมิพล 248.85 ล้านลบ.ม. น้ำไหลออกรวม 98.59 ล้านลบ.ม.(และมีการปล่อยน้ำผ่านสปิลเวย์เป็นวันแรก 39.14ล้านลบ.ม.)
น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณรวม 13,229.12 ล้านลบ.ม. หรือ 98.27%ของความจุ
คุณผู้อ่านครับ ในวันที่5ต.ค.2554 เป็นวันแรกที่เขื่อนภูมิพลต้องปล่อยน้ำผ่านสปิลเวย์ เพื่อป้องกันเขื่อนเต็มครับ
(หมายเหตุ เขื่อนภูมิพลสามารถระบายน้ำในช่องทางปกติได้สูงสุดวันละ60ล้านลบ.ม.เท่านั้น ถ้าปล่อยเพิ่มทางสปิลเวย์ จะปล่อยน้ำได้เพิ่มอีก40ล้านลบ.ม. ทำให้การปล่อยน้ำออกจากเขื่อนทำได้มากที่สุด อยู่ที่วันละ100ล้านลบ.ม.เท่านั้น)
ถ้าเราดูจากกราฟย้อนหลัง10ปีจากเว็บรายงานระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลย้อนหลังของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและในปี2554 ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งยังเป็นช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะเห็นได้ว่า ยังอยู่ในช่วงปกติ
แต่กราฟได้เริ่มผิดปกติตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนถึง ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำไมเดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม ผิดปกตินั้น
ขอเชิญคุณผู้อ่าน ย้อนกลับไปฟังคลิป โพยที่ดีที่สุดนายกยิ่งลักษณ์ คลิกที่นี่!!
-----------------------
ไม่ควรกล่าวหาเรื่องกักน้ำ!!
จากข้อมูลตัวเลขที่ผมนำมาให้ดู จะเห็นได้ว่า การปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้มีการพร่องน้ำแต่ประการใด จนในที่สุดเขื่อนภูมิพลก็เต็มในที่สุด
ผมถึงว่า อย่าเอาประเด็นนี้มาโจมตีกัน เพราะสุดท้ายมันก็เข้าตัวรัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีอำนาจในช่วงต้นฤดูฝน การกักน้ำในช่วงต้นฤดูฝนไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
แต่ในเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามารับงานต่อในช่วงกลางฤดูฝน น้ำในเขื่อนเริ่มสูงแล้วก็จริงจากอิทธิพลพายุในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เริ่มคิดพร่องน้ำล่ะครับ จากตัวเลขที่นำมาให้ดู ผมก็ยังเห็นกักน้ำต่อไปเหมือนเดิม
นั่นเพราะประเด็นน้ำท่วมหนักไม่ได้อยู่ที่เขื่อนกักน้ำ เพราะทางเหนือมีแม่น้ำ4สาย แต่มีเขื่อนใหญ่รองรับแม่น้ำ2สาย เขื่อนทดน้ำรองรับแม่น้ำอีก1สาย และแม่น้ำยมไม่มีเขื่อนเลย!!
แต่ประเด็นอุทกภัยหนักมันอยู่ที่ การบริหารน้ำในบริเวณที่เกิดอุทกภัยให้ไหลลงทะเลโดยเร็วมากกว่า
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรหาช่องทางระบายน้ำไหลไปในทางอื่นๆมากขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระจากแม่น้ำเจ้าพระยา แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับไม่คิดทำเลย จนสถานการณ์วิกฤติแล้วในเดือนตุลาคม
ผมจึงขอย้ำ!! อีกครั้งว่า ถ้ายิ่งลักษณ์มีการบริหารจัดการการไหลของน้ำลงทะเลอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นรัฐบาล ผมมั่นใจว่า ปัญหาอุทกภัยจะไม่รุนแรงมากเท่านี้แน่นอน
(และแนะนำให้ใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความในเดือนตุลาคมของผม ควรไปอ่านนะครับ แล้วคุณจะรู้จักเขื่อนในมุมที่ถูกต้อง!!)
คลิกอ่าน หัวอกคนดอนเมืองกับกรณีบิ๊กแบคใครผิด?
นอกจากหัวหน้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว คนที่ต้องถูกถามถึงความรับผิดชอบสูงสุดอีกคนคงไม่พ้น รมวเกษตรสองสมัย คือนายธีระ วงศ์สมุทร นั่นแหละ สวเรืองไกร มึนอะไรรืเปล่า ถึงฟ้องผิดคนหน่ะ
ตอบลบมีชาวนาบอกว่ารัฐบาลอภิสิทธ์ไม่ยอมปล่อยน้ำให้ทำนาปรัง กักน้ำไว้ทำไม นายกยิ่งลักษณ์มารับตำแหน่งก็มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนทั้ง 2เขื่อนใหญ่พร้อมกัน ใครจะไปรับมือไหว ผู้ว่ากทม.ก็หน่อมแน้ม สมแล้วที่น้ำท่วมกทม.จะได้รับชะตากรรมพร้อมกับชาวต่างจังหวัด รวยหรือจนก็โดนเหมือนกัน สมัยพรรคแมงสาบเป็นรัฐบาลก็ไม่ทำอะไร มัวแต่ไล่ล่าทักษิณ ไม่รู้กลัวทักษิณอะไรนักหนา เฮ้อ น่าอนาดใจจัง
ตอบลบคุณข้างบนคุณพูดลอยๆ แบบไม่หลักฐานอ้างอิง ฟังไม่ขึ้นครับ ชาวนาที่ไหน จังหวัดไหน ที่พูด พูดเมื่อไหร่ เราต้องดูที่เวลาครับ ว่าสมเหตุสมผลมั้ย
ตอบลบคุณเอาหลักฐานมาดูหน่อยครับ ลิงค์ไหนที่มีข่าวแบบที่คุณว่า?
ส่วนทักษิณไม่มีใครเขากลัวหรอกครับ ถ้าเขากลัวเขาไม่ออกมาไล่มันหรอก
แล้วมันทำไมไม่กลับมาละครับ ประเทศนี้ไม่มีใครห้ามมันกลับมาสักหน่อย
เป็นเรื่องจริงตามบทความที่กล่าวมาเลยครับ แต่ยังมีคนเชื่อว่าอภิสิทธิ์กักน้ำแกล้งยิ่งลักษณ์อีกเยอะ เฮ้อ!
ตอบลบโบราณว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว
ตอบลบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น
ภัยจากน้ำ (น้ำตาประชาชน) ผลประโยชน์ของนักการเมือง ทุกระดับ
คนเดียวกันก็จริงแต่นโยบายพรรคไม่เหมือนกันเข้าใจบ้อบักเสี่ยว
ตอบลบ