ตั้งแต่วันศุกร์ที่11 มี.ค.54 ที่ผ่านมา แผ่นดินวิปโยคที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความรุนแรงถึง8.9ริกเตอร์ เมื่อเวลาประมาณ12.46นาทีตามเวลาประเทศไทย หรือเวลา14.46นาทีตามเวลาที่ญี่ปุ่น
จนเกิดคลื่นสึนามิอย่างรุนแรงพัดเข้าชายฝั่งตะวันออกในหลายจังหวัดของญี่ปุ่น ทั้งๆที่ญี่ปุ่นนั้นมีระบบเตือนภัยที่ดีที่สุดของโลก ระบบป้องกันภัยจากสึนามีที่ดีที่สุดในโลก มีกำแพงกั้นคลื่นขนาดใหญ่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจทานความรุนแรงของคลื่นยักษ์ครั้งนี้ได้ นั่นเพราะสึนามิคราวนี้ใหญ่โตเกินความคาดหมายที่ญี่ปุ่นเคยคาดการณ์ไว้
ผู้คนสูญหายและล้มตายนับหมื่นคน นับเป็นความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดครั้งนึงของญี่ปุ่น
แต่ถ้าแค่สึนามิเท่านั้นก็ยังไม่พอ ภัยที่ร้ายแรงและน่ากลัวตามมากลับกลายร้ายแรงและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคลื่นยักษ์นั่นก็คือ ภัยจากการรั่วไหลจากสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ระเบิดขึ้นหลังจากเกิดสึนามิ
จนทำให้แม้แต่ตอนนี้ เมือหลวงอย่างกรุงโตเกียวก็อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยอีกต่อไป จนตอนนี้มีผู้คนจากโตเกียวจำนวนมากต่างพากันอพยพออกจากกรุงโตเกียว เพื่อหลบเลี่ยงภัยที่อาจจะมีจากสารกัมมันตรังสี
สถานฑูตนานาชาติหลายประเทศก็พากันอพยพสถานฑูตของประเทศตัวเองออกจากกรุงโตเกียว ไปตั้งสถานฑูตชั่วคราว ณ.ที่ๆห่างออกไป ให้ไกลจากภัยกัมมันตรังสี
-------------------------
ผมคงไม่ต้องเท้าความให้มากไป เพราะคุณผู้อ่านก็คงได้รับข่าวสารกันดีอยู่แล้ว
แต่ที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ ละครที่ผมรักที่สุด2เรื่อง คือเจ้าหญิงอัตสึ หรือ Atsuhime และสงครามชีวิตโอชิน ในละครทั้งสองเรื่องนี้ ตัวละครเอกทั้งสองเรื่องก็ได้ผจญกับภัยจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วเช่นกัน
ในสมัยเอโดะ ของท่านหญิงอัตสึ ในวันที่ปีอันเซที่2 วันที่2ตุลาคม (10pm on November 11, 1855) ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเอโดะ กล่าวกันว่ามีผู้เสียชีวิตถึง2แสนคน เพราะถูกบ้านพังทับและติดอยู่ในกองเพลิง..
แผ่นดินไหวครั้งนั้นทำให้ท่านหญิงอัตสึที่กำลังจะเดินทางเข้าปราสาทเอโดะเพื่อไปเป็นมิไดโดโกโระของท่านโชกุนคนที่13 ก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนยุคโอชิน ในวันที่ 1 ก.ย. ค.ศ.1923 เช้าวันที่โอชินกับสามีริวโซ่ ทาโนะคุระ กำลังเดินทางไปเปิดโรงงานทอผ้าแห่งใหม่ โดยปล่อยให้ลุงเง็นเลี้ยงดูยิ่วลูกชายคนโตของโอชิน ซึ่งยังเล็กอยู่ ก็พลันเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่โตเกียว ทำให้บ้านเรือนพังนับไม่ถ้วน
และทำให้โอชินกับสามี ต้องล้มละลายในที่สุด ส่วนลุงเง็นที่เลี้ยงยิ่วอยู่ที่บ้าน ก็ต้องมาตายเพราะปกป้องให้ยิ่วรอดจากภัยพิบัติครั้งนั้น
คลิกที่รูปเพื่อขยาย
------------------------------------
บทเรียนราคาแพงของคนญี่ปุ่นอีกครั้ง
ภัยธรรมชาติครั้งนี้ ผมมั่นใจว่า จะไม่มีทางทำให้คนญี่ปุ่นท้อถอย เพราะสายเลือดบูชิโดที่ไม่เคยยอมแพ้แก่โชคชะตาของคนญี่ปุ่น เขาพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ทุกครั้งเมื่อเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่
เพราะนี่คือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นคนญี่ปุ่นมานับพันๆปี
ความมีวินัย ความมีระเบียบ ความรักชาติ ชาตินิยม และความที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนของชาวญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างยกย่องสรเสริญ
บทเรียนคราวนี้ จะทำให้คนญี่ปุ่นจะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปอีกหลายขั้นเพื่อหาหนทางเอาชนะปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และพวกเขาจะต้องคิดค้นหาพลังงานทดแทนที่ดีกว่าพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้ หรือหาทางใช้พลังงานอันตรายนี้อย่างปลอดภัยมากกว่าเดิมแบบจะไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์อีก เพราะขนาดเจอระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา นางาซากิมาแล้ว คนญี่ปุ่นก็ไม่เคยหวาดกลัวเรื่องนิวเคลียร์
และเมื่อถึงวันนั้นญี่ปุ่นจะกลับมาผงาดยิ่งใหญ่เหมือนเดิม เพราะทุกครั้งที่ล้มลง คนญี่ปุ่นจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน
ผมรักประเทศญี่ปุ่นครับ
แนะนำบทความฮอต คนไทยไม่มีวันเจริญเหมือนคนญี่ปุ่นได้
.
.
เริ่มต้นที่เรา พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่มาตรฐานที่ดีขึ้นครับ
ตอบลบอย่าซ้ำเติมคนที่ผิดพลาด ช่วยกันผยุงเขาขึ้นมาดีกว่า
เอาข้อดีของของมาปรับใช้กับบริบทของเราครับ