เกริ่น หากคุณผู้อ่านได้อ่านบทความเรื่อง หากเป็นพระต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และ ตักบาตรกับพระปลอม ของผมแล้ว คุณผู้อ่านจะเข้าใจบทความนี้มากยิ่งขึ้น
----------------
ถ้าคลิปขึ้นช้า กรูณาrefresh อีกครั้ง
กรณีที่วัดธรรมกาย ได้จัดพระเดินเข้ากรุงเทพในวันธรรมดา หรือย้อนกลับไปอีกนิด คือปิดถนนตักบาตรพระกลางกรุง ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์นั้น
สำหรับผม ผมจะอธิบายอย่างง่ายๆ เลยนะครับว่า เหมาะสม สมควรจัดงานแบบนี้หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะหากต้องมีการปิดการจราจรด้วยแล้ว ยิ่งไม่เหมาะสมเลยครับ
เพราะหากเป็นพระต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้ากิจกรรมใดๆ ที่พระต้องไปเบียดเบียนให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเขาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ย่อมไม่ใช่สิ่งที่สมณะพึงกระทำอย่างยิ่ง
การปิดถนน ถามว่า มีคนเดือดร้อนจากการปิดถนนหรือไม? คำตอบคือ มี
ถามว่าปิดถนนแล้วมีคนเดือดร้อนจำนวนมากหรือไม่? คำตอบคือ มีจำนวนมาก
เช่นคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับเรื่องกิจกรรมของพวกท่าน ถ้าเขาเผอิญสัญจรผ่านมาโดยไม่รู้มาก่อน เขาก็ย่อมเดือดร้อนจากการไม่สามารถเดินทางได้ และหากมีใครที่เจ็บป่วย กำลังจะเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งเดือดร้อนกันใหญ่
คนในศาสนาอื่นๆ ที่เขาไม่ได้สนใจกุศลอะไรแบบนี้ เขาก็ต้องพลอยมาเดือดร้อนจากการกระทำของพระและวัดธรรมกายไปด้วย
เพราะบนหลักการที่ว่าเป็นพระจะต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนี่แหล่ะ ที่ทำให้กิจกรรมแบบนี้ไม่สมควรจัดกลางเมือง กลางกรุงเทพ เพราะพระสงฆ์จะต้องไม่เป็นผู้เบียดเบียน
ถ้าพวกท่านอยากจัด ควรไปจัดในที่ๆ ไม่มีคนเดิอดร้อน หรือเดือดร้อนน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทำไมไม่ไปเดินธุดงค์กลีบกุหลาบในถิ่นทุรกันดารล่ะ หรือว่า กลัวไม่เท่ กลัวไม่มีใครทำบุญซื้อกลีบดอกไม้เยอะ ๆ
---------------------------
อย่าเอาบุญใส่ตน เอาความเดือดร้อนใส่คนอื่น
ถ้าคนที่เขาผ่านมาเขาไม่ว่า เขาไม่เดือดร้อน พวกพระและวัดธรรมกายก็ไม่บาป
แต่ถ้าคนที่เขาผ่านมา เขาไม่สะดวก เขาเดือดร้อนจากความยากลำบากที่เกิดจากวัดธรรมกายและพระของท่าน วัดธรรมกายและพระก็จะบาปไปโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้ามีประชาชนคนหนึ่งเขาขับรถมาติด เขาก็ย่อมสูญเสียค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุจากที่พระเดิน ถามว่า มูลค่าน้ำมันที่เขาสูญเสียไปสาเหตุจากที่่พระเดินนั้น
ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ มูลค่าที่เสียไปนี้ ใช่วัดธรรมกายและพระวัดธรรมกายหรือไม่?
ถ้าใช่ ก็เท่ากับวัดธรรมกายและพระวัดธรรมกายเป็นเหตุ ทำให้พวกเขาสูญเสียทรัพย์เกิน 1 บาทแล้วหรือไม่?
โอเค แม้จะอ้างว่า ไม่ได้มีเจตนาให้เสียทรัพย์ แต่เมื่อรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะทำให้ผู้คนจำนวนมากเดือดร้อน ถ้าเป็นพระก็ไม่ควรกระทำ
เว้นแต่ไม่ใช่พระ ?
ที่สำคัญเหตุที่ทำให้เสียทรัพย์นี้ ไม่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่เป็นความตั้งใจของวัดธรรมกายชัด ๆ เพราะมีการตระเตรียมในการปิดถนนไว้ก่อน เพราะไม่มีทางที่จะบอกให้ทุกคนทราบข่าวได้อย่างทั่วถึงกัน
และถึงบอกให้ทั่วถึงกันได้ แต่คนที่เขามีกิจธุระต้องไปทำ เขาก็ต้องเดือดร้อน ต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุ
เราจะมาบังคับให้คนทุกคนเห็นด้วยการกิจกรรมแบบนี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้
หากเป็นกิจกรรมของฆราวาส ก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่คือกิจกรรมที่เกิดจากพระ ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะหากเป็นพระต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน นี่คือหัวใจสำคัญครับ
ลองนึกดู ถ้าวัดอื่นๆ เลียนแบบวัดธรรมกายบ้าง ขอปิดถนนบ้างได้มั้ย? ต้องใช้เส้นขออนุญาตหรือเปล่า?
--------------------------------
ส่งเสริมกิเลสแก่พระ
แม้วัดธรรมกายจะยกเอาเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาลมาอ้างว่า สมัยพระพุทธเจ้าเสด็จก็เคยมีตามนี้
คือเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริง ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เอาเป็นว่า ถ้าเกิดเรื่องที่เล่านี้เป็นจริง
ถามว่า กรณีสมัยพุทธกาลมีความแตกต่างจากกรณีวัดพระธรรมกายอย่างไร?
ความแตกต่างก็คือ สมัยนั้นชาวเมืองไพศาลีคงไม่ได้ไปบอกกล่าวแก่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ทั้ง500รูป ล่วงหน้าก่อนหรอกว่า ถ้าพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์รับนิมนต์มาเมืองนี้ ชาวเมืองจะโปรยกลีบกุหลาบรอรับพระทุกรูปอย่างยิ่งใหญ่
พูดง่ายๆ คือ ประชาชนคิดจะทำกันเอง พระไม่เกี่ยวด้วย
แต่กรณีของวัดพระธรรมกาย ถามว่าประชาชนที่ไปโรยกลีบกุหลาบเป็นคนคิดโครงการหรือวัดคิดเอง?
ถามว่า พระในยุคนี้มีกิเลสมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับพระสมัยพุทธกาล?
คำตอบคือ พระในสมัยพุทธกาลจำนวนมากล้วนได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ให้แทบทุกรูป ผ่านขัดเกลากิเลสอย่างเข้มข้น แค่กลีบกุหลาบย่อมไม่ทำให้ท่านเกิดกิเลสใด ๆ ได้อย่างแน่นอน
เพราะพระส่วนใหญ่ที่ตามเสด็จพระพุทธองค์ ก็ล้วนแต่เป็นพระอริยะ ตั้งแต่ระดับโสดาบัน ขึ้นไปจนถึงอรหันต์ แทบทุกรูป
แต่กรณีของวัดธรรมกายนั้น วัดธรรมกายได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานใหญ่โตเอิกเกริก ว่าจะมีการให้ประชาชนมาดักรอโรยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทาง แถมโฆษณาว่าจะได้บุญกุศลมากมายอย่างนั้นอย่างนี้
แต่พระของวัดธรรมกายที่มาเดินบนกลีบกุหลาบ และมาให้ตักบาตรกลางเมืองนั้น ก็เป็นพระบวชใหม่เสียจำนวนมากเพราะต้องการปริมาณ กิเลสก็ยังแทบไม่ขัดเกลาอะไรเลย แถมพระทุกรูปก็ยังรู้ข่าวล่วงหน้าด้วยว่า พระจะได้มาเดินบนกลีบกุหลาบ แถมมีคนมารอปลาบปลื้มราวกับพบเจอดาราคนโปรด!!
ถามว่า นี่จะเป็นการบำรุงกิเลสให้พระ บำรุงการยึดมั่นถือมั่นให้แก่พระมากขึ้นหรือไม่?
ถ้าผมเป็นพระ ผมบอกได้เลยว่า ผมเกิดอีโก้ทันที เวลาเดินมีคนมากราบ มีคนคอยปลาบปลื้ม แถมได้เดินบนเส้นทางกลีบกุหลาบส่งตรงจากเมืองนอกก็มี โคตรเท่เลยว่ะ แต่ไม่ได้..เราต้องเก็กให้คนศรัทธาไว้ก่อน
-----------------------------------
สรุปง่ายๆ เลยนะครับว่า
ผมว่ากิจกรรมของวัดธรรมกาย เป็นกิจกรรมบำรุงกิเลสแก่พระ และประชาชน ส่งเสริมประชาชนหลงยึดติดบุญเกินไป หลงว่าถ้่าทำบุญมากๆจะได้วิมานสวยหรูให้อยู่ในภายภาคหน้า โลกหน้า คล้ายทำบุญสร้างวิมานไฮโซในอากาศรอไว้
ในหมู่ศิษย์ธรรมกายพูดคุยกันว่า ถ้าโรยกลีบกุหลาบให้พระเดิน บุญกุศลจะทำให้เส้นทางชีวิตของตัวเองสุขสบายเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ??
ทำบุญโดยไม่สนใจคนอื่นว่าเขาจะเดือดร้อนหรือไม่?
เพราะคิดแต่ เอาบุญของตนเองเป็นใหญ่
เหตุการณ์ที่ผ่านๆมา หลายต่อหลายครั้ง วัดธรรมกายมักจะยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่เสมอ โดยไม่สนใจว่าสังคมรอบข้างจะเดือดร้อนด้วยหรือไม่?
ตอนเด็กๆ ผมไปวัดธรรมกายครั้งแรกตั้งแต่8ขวบ และก็เคยศรัทธาวัดธรรมกายมากๆ
ครอบครัวผม เคยเป็นสายจัดหาในกฐินหลายครั้ง ผ้าป่าก็หลายครั้ง
แต่พอหมดเรื่องบุญนี้ ก็มีบุญใหม่มาอีกแล้ว ไม่มีว่างเว้น สอนให้เด็กหยอดกระปุกให้เต็มแล้วนำเงินมาถวายวัด ผมก็เคยทำมาแล้ว
แต่เมื่อมาถึงจุดนึง ผมว่า นี่ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องในความคิดของผม
ผมเลยห่างออกมา ครอบครัวผมก็ห่างออกมา จนถึงปัจจุบัน
ผมขอบอกว่า ประชาชนที่มาโรยกลีบกุหลาบไม่ผิดครับ เพราะเขาถูกโฆษณาชวนเชื่อ โดยไม่รู้เท่าทัน และประชาชนก็ได้บุญตามที่พวกเขาตั้งใจไว้เต็มที่ (เราต้องแยกบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป)
แต่ฝ่ายที่ผิดก็คือทีมคิดโครงการวัดธรรมกายและพระวัดธรรมกาย
(ความเห็นพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย)
และสุดท้ายจำไว้นะครับ สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้าม ก็ไม่ได้แปลว่าพระควรทำได้ทั้งหมด เช่น พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระขับรถ พระก็เลยไปขับรถกันใหญ่
อย่างกรณีของกิจกรรมธุดงค์โรยกลีบกุหลาบกลางเมืองของวัดธรรมกายนั้น เราเรียกว่า โลกวัชชะ หรือ โลกติเตียน ครับ
คลิกอ่าน ธุดงค์ดอกดาวรวย สอนคนทำบุญเพิ่มกิเลสเพิ่มความโลภ
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบกลียุคเข้าไปทุกขณะจิต
เห็นด้วยกับคุณใหม่ เมืองเอก มากค่ะ มองดูแ้ล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่บุญ
ตอบลบแต่มันเป็นการโฆษณาวัดมากกว่า ดิฉันนับถือหลวงพ่อสด แต่ไม่นับถือวัดนี้ค่ะ
ใครๆเค้าก๊รู้ว่า ที่นี่มีแต่พวกคนรวยเท่านั้นที่.....คิดกันเอาเองนะ
ตอบลบI’m happy that you just shared this useful info with us
ตอบลบCheap Sterling Silver Jewelry
[๑๒๙] ดูกรราหุล เธอปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมนั้นเธอพึงพิจารณา
ตอบลบเสียก่อนว่า เราปรารถนาจะทำกรรมนี้ใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียน
ตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นอกุศล
มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอ. ดูกรราหุล ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า
เราปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เพื่อ
เบียดเบียนผู้อื่น เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่น กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร
มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้ กรรมเห็นปานนี้ เธอไม่พึงทำด้วยกายโดยส่วนเดียว. แต่ถ้าเมื่อเธอ
พิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า เราปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ ไม่พึงเป็นไป
เพื่อเบียดเบียนตน เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่น กายกรรมนี้เป็นกุศล
มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้ กรรมเห็นปานนั้น เธอพึงทำด้วยกาย. แม้เมื่อเธอกำลัง
ทำกรรมด้วยกาย เธอก็พึงพิจารณากายกรรมนั้นแหละว่า เรากำลังทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรม
ของเรานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง และเพื่อเบียดเบียน
ทั้งตนและผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอ.
ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า เราทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ ย่อมเป็นไป
เพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง
กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้ เธอพึงเลิกกายกรรมเห็นปานนั้น
เสีย. แต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า เราทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้
ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและ
ผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้ เธอพึงเพิ่มกายกรรม
เห็นปานนั้น. ดูกรราหุล แม้เธอทำกรรมด้วยกายแล้ว เธอก็พึงพิจารณากายกรรมนั้นแหละว่า
เราได้ทำแล้วซึ่งกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อ
เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็น
กำไร มีทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอ. ถ้าเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า เราได้ทำแล้วซึ่งกายกรรมใด
กายกรรมของเรานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง และเพื่อ
เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้
กายกรรมเห็นปานนั้น เธอพึงแสดง เปิดเผย ทำให้ตื้น ในพระศาสนา หรือในเพื่อนพรหมจรรย์
ทั้งหลายผู้วิญญู แล้วพึงสำรวมต่อไป. แต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า เราได้ทำแล้วซึ่งกรรม
ใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง กายกรรมนี้เป็นกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก
ดังนี้ไซร้ เธอพึงมีปีติและปราโมทย์ ศึกษาในกุศลธรรมทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ด้วยกายกรรม
นั้นแหละ.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
โดยส่วนตัว นัทก็ติดอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าเหมือนกัน นานเลยหล่ะ แต่ไม่รู้สึกทุกข์หรือเดือดร้อน อย่าที่พ่อเอกว่า กรรมที่ทำแล้วผู้อื่นเดือดร้อน แม้กรรมนั้นจะเป็นกุศล ก็เป็นกรรมที่ทำโดยอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร ถ้าคนอื่นไม่เดือดร้อนก็แล้วกันไป ไม่ก่อเวร
ตอบลบขอบคุณจ้า ^^
ลบเป็นหนุ่มเป็นสาวเข้าพับเข้าบาร์ แก่ตัวมาเข้าวัดเข้าโบสต์เข้าสุเหร่า
ตอบลบเมื่อไรไทยจะเจริญ ทำดีแล้วโดนด่า ไม่ทำห่าด่าคนอื่น
ตอบลบมึงทำได้เหมือนเขาป่าวล่ะ
หลอกเงินชาวบ้าน แล้วเอาไปให้สหกรณ์ออมทรัพย์โกงชาวบ้านแล้วเอาเงินมาฟอกด่วยการมาทำบุญให้ลัทธิจานบินน่ะเหรอ
ลบทำชั่ว ๆ แบบนี้ มึงทำไปคนเดียวเหอะ
ต้องถือปืนประกาศ เพยแพร่ ศาสนาก่อนหลอ พึกมึงถึงจะชอบอ่ะ
ตอบลบลัทธิของไอ้ปาราชิกไชยบูลย์ น่ะเหรอ มีแต่พวกโง่อย่างมึงนั่นแหละ กราบไหว้ไอ้ปาราชิกนั่น
ลบ