วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำใจคนไทยสู่ขอทาน จนถึงร้านอาหารเศรษฐีใจบุญ





คนไทยได้ชื่อว่า เป็นชนชาติที่ชอบบริจาคมากที่สุดอันดับ 3 ของโลก จากรายงานข่าวผลสำรวจของมูลนิธิเพื่อการกุศลของโลกเมื่อไม่นานนี้

การบริจาคเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งเราอาจไม่ต้องรอให้คนเขาเดือดร้อนสุด ๆ แล้วค่อยบริจาคช่วยเหลือก็ได้

เราอาจช่วยคนอื่นไม่ให้เดือดร้อน ก่อนที่เขาจะเดือดร้อนน่าจะดีกว่า ได้ประโยชน์กว่า มีผลดีต่อสังคมมากกว่า


คุณรู้มั้ย ทำไมขอทานไทยจึงมีเงินเป็นล้าน ?

มีข่าวเกี่ยวกับขอทานรวยเป็นล้าน มาหลายรายในตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และที่ขอทานรวยมากขนาดนั้น

ก็เพราะขอทานไทยจะทำตัวจนน่าสงสารมาตลอด แม้รวยแล้วก็แกล้งจนต่อไป เพื่อตบตาคนที่มาทำทานให้

ซึ่งหลักขอทานที่ถูกต้อง คือ ถ้าคุณเป็นคนที่สิ้นไร้ไม้ตอก หมดหนทางแล้ว จึงจำต้องมาขอทานเพื่อความอยู่รอด ก็ทำไปเถอะ

แต่ถ้าคุณขอทานจนมีเงินมากพอที่จะตั้งตัวได้แล้ว ก็ต้องเลิกขอทานไป เพื่อไป ทำมาหากินอย่างอื่น เปิดโอกาสให้คนที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกจริง ๆ มีโอกาสได้มาขอทานบ้าง

แต่ขอทานไทย ขอจนรวยแล้ว ก็ยังขอต่อไป ยังแสร้งทำเป็นจน หลอกให้คนเขาสงสาร

แบบนี้ถือว่าเข้าข่าย หลอกลวง เป็นบาปครับ

--------------------------

แนวคิดดีๆ จากผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน ธนาคารเพื่อคนจน

ท่านมูฮัมหมัด ยูนูส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับธนาคารกรามีนในปีพ.ศ. 2549 เคยพูดว่า แทนที่มูลนิธิต่างๆจะนำเงินไปบริจาคช่วยคนจนเฉยๆ

ทำไมมูลนิธิต่างๆไม่ทำให้คนจนเขาได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีขึ้น เช่นมูลนิธิต่างๆ แทนที่จะรอเงินจากผู้บริจาคเฉยๆ แล้วนำเงินไปบริจาคให้คนจน มูลนิธิควรทำกิจการที่ขายสินค้าดีๆ ในราคาถูกๆ ให้คนจนมีสิทธิซื้อได้อย่างไม่เดือดร้อนดีกว่า

มูลนิธิเอง ก็ได้เงินจาการค้าด้วยไม่รอแต่เงินบริจาคอย่างเดียว ค้าขายทำกำไรแต่น้อย แต่ถือว่าได้ช่วยเหลือคนจนไปในตัว

จากแนวคิดนี้เอง ผมชื่นชมมากๆ

ชมคลิปรายการ มองเรามองโลก กับธนาคารกรามีน


---------------------------------

ร้านอาหารเศรษฐีเพื่อคนจน!!

ผมเลยอยากแนะนำมหาเศรษฐีในเมืองไทยทั้งหลายว่า แทนที่ท่านจะนำเงินมหาศาลไปบริจาคสร้างโน่นสร้างนี่ พวกท่านลองมาเปิดกิจการค้าทีไม่แสวงหากำไร แต่แสวงหาบุญกุศลดูบ้างสิครับ

ถ้ามหาเศรษฐีไทยทั้งหลาย ช่วยกันเปิดร้านอาหารราคาถูกช่วยเหลือค่าครองชีพคนจน คนละร้านสองร้าน ถ้ารวยมากๆ ก็ทำหลายร้านๆ หลายสาขา

ผมเชื่อว่า กำไรอาจจะไม่มาก แต่กุศลนั้นมากแน่นอน

เพราะผู้ขายอาหารได้ชื่อว่า ผู้ให้กำลัง ถ้าท่านทำกุศลจากการขายอาหารอร่อย ราคาถูกแก่คนจน ๆ บุญกุศลนี้ต้องช่วยให้มหาเศรษฐีทุกท่าน เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุข พละ แน่นอน

ความจริงไม่ต้องถึงขึ้นมหาเศรษฐีก็ได้ครับ ใครก็ได้มีเหลือกินเหลือใช้ มาสร้างกุศลแบบนี้น่าจะดีกว่า รอให้คนอดอยากแล้วค่อยไปบริจาค

สู้ท่านมาช่วยกันขายอาหารดีราคาถูก ช่วยให้คนจนอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่อยู่อย่างอดอยาก แบบนี้น่ะดีที่สุดจริงๆ เป็นกุศลผลบุญข้ามภพข้ามชาติแน่นอนครับ

--------------

อัพเดท

หลังจากผมเขียนบทความนี้ในปี 2554 ต่อมาก็ได้มีมหาเศรษฐีใจบุญ เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ คุณอนันต์ อัศวโภคิน ก็ได้ทำศูนย์อาหารทันสมัยแต่ในราคาแสนถูก เพื่อช่วยเหลือให้คนทำงานทุกกลุ่มอาชีพเข้าถึงราคาอาหารได้ในราคาย่อมเยาว์ Pier 21 ในศูนย์การค้า Terminal 21 สุขุมวิท แถมสถานที่สะอาด ห้องน้ำก็สะอาด

โดยเจ้าของซึ่งเป็นมหาเศรษฐี ยอมขาดทุนปีละประมาณ 20 -30 ล้านบาท (ขนหน้าแข้งไม่ร่วง)



ที่มารูปกระทู้พันทิพ http://pantip.com/topic/31772182

ผมว่า การค้าขายแบบคืนกำไรให้สังคมแบบที่คุณอนันต์ กำลังทำอยู่นี้ ได้บุญมหาศาลมาก แถมได้บุญทุกวัน แถมมีผู้คนสรรเสริญยกย่องทุกวัน แบบนี้เขาเรียกกลยุทธ์นี้ว่า ยอมขาดทุนเพื่อกำไร เหมือนที่ในหลวงทรงเคยแนะนำไว้

ถ้ามหาเศรษฐีของไทยช่วยคืนกำไรให้สังคมแบบนี้คนละไม้คนละมือ ค่าครองชีพของคนไทยคงจะไม่สูงขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้นตามมาด้วย

ชมคลิปรายการคนค้นฅน แม่ค้าส้มตำถุงละ5บาท



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม, 2555 00:50

    บทความโดนใจมากๆ ขอชมว่า คุณพูดได้ถูกต้องค่ะ คุณใหม่...

    k542

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม, 2555 02:51

    คนรวยหลายๆคนบริจากเพื่อขอภาษีคืนเท่านั้นครับ

    ตอบลบ

ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com


ผู้ติดตาม