(คลิกย้อนอ่านตอนแรก)
เมื่อจบตอนแรก คุณได้ข้อคิดอะไรบ้าง?
ทหารญี่ปุ่นยกธงขาวขอยอมแพ้แก่ทหารอเมริกัน แต่ทหารอเมริกันไม่สนใจแถมจะปาระเบิดใส่ทหารญี่ปุ่นด้วย
นั่นก็เพราะ ในสงครามบางครั้งก็ไม่อาจวางใจศัตรูได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่า เบื้องหลังการยอมแพ้นั้น มีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?
และเมื่อทหารอเมริกันตาย ทหารญี่ปุ่นก็ไม่ถือสา แถมให้เกียรติผู้ตายที่ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญเรื่อง การทำหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งผมจะค่อยอธิบายเพิ่มเติมในบทความต่อๆ ไป
ส่วนในตอนที่2 นี้ ผมขกยกตัวอย่างจากซีรีย์ญี่ปุ่นอิงประวัติศาสตร์เรื่อง Atsu hime หรือในชื่อไทยคือ เจ้าหญิงอัตสึ
โดยจะขอเล่าเรื่องของท่านอี นาโอสุเกะ หรือไทโรอี
ท่านอี นาโอสุเกะ ได้รับการแต่งตั้งจากท่านอิเอซาดะ โชกุนคนที่11 ให้รับตำแหน่ง ไทโร หรือตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัฐบาลโชกุน เนื่องจากท่านอิเอซาดะเป็นโชกุนที่อ่อนแอ จึงทำให้รัฐบาลโชกุนอ่อนแอตามไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ท่านอิเอซาดะ จึงเลือกท่านอี นาโอสุเกะ ซึ่งเป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มารับตำแหน่งไทโร เพื่อหวังให้มาช่วยปกป้องฟื้นฟูรัฐบาลโชกุนให้เข้มแข็งขึ้น
แต่หลังจากท่านอิเอซาดะ หรือโชกุนคนที่11 สามีของท่านหญิงอัตสึได้ถึงแก่กรรมลง ด้วยเหตุที่ท่านโชกุนไม่มีทายาท ก่อนท่านอิเอซาดะตาย ท่านจึงได้รับบุตรบุญธรรม มาเป็นทายาทเพื่อสืบทอดตำแหน่งโชกุนคนที่12 ต่อไป ซึ่งนั่นก็คือ ท่านอิเอโมจิ
เมื่อท่านอิเอโมจิเป็นโชกุนคนที่12 แล้ว ก็ถือมีศักดิ์เป็นบุตรบุญธรรมของท่านหญิงอัตสึด้วยเช่นกัน
และก่อนท่านอิเอซาดะ สามีของท่านหญิงอัตสึตาย ได้เคยสั่งเสียให้ท่านหญิงอัตสึ คอยนั่งเคียงข้างท่านโชกุนคนใหม่ทุกครั้งในการออกว่าราชการ นอกจากนี้ท่านอิเอซาดะ ก็เคยสั่งเสียเรื่องเดียวกันนี้กับไทโรอีเช่นกัน
แต่พอท่านอิเอซาดะตายไปแล้ว ไทโรอีกลับทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเคยมีคำสั่งเรื่องให้ท่านหญิงอัตสึ ออกว่าราชการเคียงข้างโชกุนคนใหม่ ตรงนี้เองทำให้ท่านหญิงอัตสึกับไทโรอี จึงเริ่มไม่กินเส้นกัน
ที่ไทโรอี ไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียของท่านโชกุนอิเอซาดะ ก็เพราะ ไทโรอีเห็นว่า ท่านหญิงอัตสึเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าแคว้นสัทสุมะ ซึ่งเจ้าแคว้นสัทสุมะนั้นมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐบาลโชกุนให้ลดลง จึงได้ส่งท่านหญิงอัตสึเข้ามาเป็นภรรยาโชกุน
ไทโรอี จึงมองว่าท่านหญิงอัตสึเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม และอีกเหตุผลคือท่านหญิงอัตสึเป็นหญิง และอาจเกรงใจแคว้นบ้านเกิด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการฟื้นฟูรัฐบาลโชกุนให้เข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากท่านอิเอโมจิ โชกุนคนที่12 ยังอายุน้อย อำนาจในการบริหารรัฐบาลโชกุน และกองทัพโชกุน จึงตกอยู่ในอำนาจของไทโรอีแบบเบ็ดเสร็จ
ไทโรอี จึงเริ่มทำการกวาดล้างผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทุกวิถีทาง เช่นหากเป็นคนมีตำแหน่งในรัฐบาลโชกุนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับไทโรอี ก็จะถูกสั่งปลดและถูกสั่งกักบริเวณไม่ให้ออกจากบ้านของตนเอง
ไทโรอี สั่งให้มีการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านรัฐบาลโชกนอย่างโหดร้ายรุนแรง มีคนถูกสังหารมีคนถูกจับคุมขังทรมานมากมายหลายพันคน ทำให้ยุคไทโรอี ปกครองประเทศ กลายเป็นยุคที่โหดร้าย และทารุณ ในสายตาของท่านหญิงอัตสึ
ที่สำคัญที่สุด คนที่ท่านหญิงอัตสึรู้จัก หรือแม้แต่คนที่ท่านหญิงอัตสึเคารพนับถือ ก็ถูกไทโรอีสั่งลงโทษไปด้วย
ตรงจุดนี้ทำให้ท่านหญิงอัตสึไม่พอใจท่านไทโรอีอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านหญิงอัตสึเป็นแค่แม่บุญธรรมท่านโชกุนคนที่12 เท่านั้น
และแล้วในวันหนึ่ง ท่านหญิงอัตสึ จึงได้ไปพบไทโรอี ถึงจวน
ต่อไปนี้ ผมขอยกมาจากบทความเก่าของผม ในเรื่องเจ้าหญิงอัตสึที่รัก ตอนที่เกี่ยวกับ ไทโรอี
------------------------
แล้วท่านเท็นโชอิน (เป็นชื่อใหม่ของท่านหญิงอัตสึ) ก็ได้มีโอกาสออกไปพบไทโรอีที่ที่พักของไทโร (ตามลำพัง)
ไทโรอีเทน้ำร้อนลงในถ้วยชา แล้วกล่าวว่า "นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้ชงชาให้ท่านเท็นโชอินแบบนี้ ว่าแต่..ท่านไม่รังเกียจชาที่ชงจากมือสกปรกของข้าแน่หรือ?"
ท่านเท็นโชอิน "ท่านก็คิดว่ามือตัวเองสกปรกหรือ?"
ไทโรอีใช้ไม้คนชาคนน้ำชา ระหว่างนั้นท่านเท็นโชอินก็คลี่กระดาษที่เขียนรายชื่อกางออก
"นี่เป็นชื่อคนที่ถูกท่านลงโทษ รายชื่อเรียงเต็มหน้ากระดาษไปหมดน่ะ"
"โอ้..มีมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?" ไทโรอีคนน้ำชาจนแตกฟองได้ที่ ก็หมุนถ้วยชา3รอบ แล้วยื่นวางตรงด้านหน้าให้ท่านเท็นโชอิน
แล้วท่านเท็นโชอินก็รับถ้วยชาขึ้นจากพื้น (ซึ่งขณะนั้นไทโรอีก็ก้มหัวทำนองเชื้อเชิญ) เมื่อท่านเท็นโชอินรับถ้วยมาแล้วก็จะก้มหัวเล็กน้อยทำนองขอบคุณ
แล้วท่านเท็นโอินก็วางถ้วยชาลงอีกพื้นอีกครั้ง ก่อนจะที่หยิบเฉพาะถ้วยขึ้นมาจากจานรองขึ้นดื่ม หมุนถ้วยเข้าหาตัวก่อนแล้วจึงดื่ม
ขณะที่ท่านเท็นโชอินกำลังดื่มชาและสัมผัสถึงรสชาติและกลิ่นของชาอยู่นั้น จู่ๆท่านก็มีอาการอึ้ง! และมีสีหน้าดูผิดปกติ!?
ไทโรอี "รสชาติเป็นอย่างไรขอรับ?"
"เจ็บใจ..แต่ก็.." / "ขอรับ?"
แล้วสีหน้าท่านเท็นโชอินก็เริ่มผ่อนคลายลงและดูแจ่มใสขึ้น "ข้าไม่เคยดื่มชาที่อร่อยแบบนี้มาก่อน" / "ดีใจนัก ที่ได้รับคำชมจากท่าน"
"แล้วท่านไปได้ชารสชาติเลิศนี้มาจากไหนล่ะ?" / "ข้าสนใจศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับชามาหลายปีแล้วขอรับ"
"อย่างนั้นเองหรอกเหรอ.." ท่านเท็นโชอินยกชาขึ้นดื่่มอีกครั้ง
"แต่ว่าท่านเท็นโชอินก็เป็นคนตรงไปตรงมาดีนะขอรับ ชมว่าชาอร่อยทั้งที่ชงโดยคนที่ตัวเองแสนจะเกลียด เพราะถ้ามีทิฐิก็คงจะไม่พูด"
ท่านเท็นโชอินดื่มหมดแล้ววางถ้วยลง "ข้าจะพูดตรงตามสิ่งที่ตัวเองคิดเสมอ และรสชาติของชามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการกระทำที่โหดร้าย..ไร้มนุษยธรรมของท่าน"
ไทโรอีเอื้อมไปหยิบถ้วยชากลับมา "เรื่องราวในครั้งนี้อาจจะทำให้น้ำร้อนซึมซาบถึงแก่นแท้ของรสชาติชามากขึ้นก็ได้"
ท่านเท็นโชอิน "ทั้งที่ทำร้ายผู้คนให้ทกุข์ทรมานมากมายถึงเพียงนั้นน่ะเหรอ.."
ไทโรอี "มีเรื่องนึงที่ข้าอยากจะขอถามท่านได้มั้ย?" / "อะไรล่ะ?"
"ท่านเท็นโชอินคิดว่า ในยุคสมัยนี้สมควรที่จะขับไล่คนต่างชาติต่อไปอีกหรือไม่ขอรับ?" / "เรื่องนั้นน่ะ..คงเป็นไปไม่ได้"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ว่า..การต่อต้านคนต่างชาติเป็นอุดมการณ์ของคนที่่ยึดถือคำสั่งลับที่ออกมาจากวัง อ้างแต่ว่า จะต้องขับไล่ต่างชาติเพื่อไม่ให้มาล่วงล้ำเข้ามาใกล้องค์จักรพรรดิ เราจะวางใจมอบอนาคตของประเทศนี้ให้กับคนโง่เขลาเหล่านั้นได้หรือ?
ทั้งหมดที่นาโอาสุเกะคนนี้ทำลงไปก็เพื่อปกป้องประเทศชาติของเรา เราจำเป็นต้องทำสนธิสัญญาทางการค้า ก็เพื่อปกป้องประเทศของเราจากพวกต่างชาติ และเพื่อปกป้องประเทศชาติของเราจากคนโง่เขลา ก็คงหลีกเลี่ยงจากการถูกเคียดแค้นชิงชังได้ยาก"
"แล้วที่ทำให้เลือดนองทั่วแผ่นดินนั้น ท่านไม่ละอายต่อฟ้าดินบ้างเหรอ?" ท่านเท็นโชอินถามตรงและแรง
"ไม่เคยแม้แต่จะคิด! เพราะข้าถือว่า..ได้ทำตามภาระหน้าที่ของตัวเองจนสมบูรณ์แล้ว"
"ภาระหน้าที่เหรอ?" / "ใช่แล้ว หน้าที่ขอรับ!"
สายตาของคนทั้งสองต่างจ้องกัน
"ท่านยึดถือสิ่งนั้นมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?" / "ขอรับ"
เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นและชัดเจนจากไทโรอี เพียงครู่ที่ท่านเท็นโชอินหยุดคิด สีหน้าที่เคร่งเครียดของท่านเท็นโชอินก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และดูเป็นกันเองมากขึ้น
"จากนี้ไป..ท่านจะชงชาให้ข้าดื่มอีกได้มั้ย?" / "เป็นเกียรติสำหรับข้าอย่างยิ่งขอรับ"
"ที่สัทสุมะสอนกันว่า จงอย่าฟังความข้างเดียว ข้าก็เลยอยากได้ยินฟังจากปากของท่านเอง" / "กับผู้ที่อุตส่าห์ชมรสชาติชาของข้า ข้าเองก็คิดที่จะเปิดอกพูดเช่นกัน"
ท่านเท็นโชอินยิ้มเมื่อได้ยินไทไรอีตอบเช่นนั้น
"จริงสิ! เกือบลืมซะสนิท" แล้วท่านเท็นโชอินก็หันไปหยิบผ้าชิ้นหนึ่งออกมา แล้ววางตรงหน้าไทโรอี
"นี่คือ?" / "เป็นผ้าที่เย็บด้วยจักรเย็บผ้าจากต่างประเทศ ข้าตั้งใจที่จะเย็บมาให้ท่านเชียวนะ"
"เอามาให้ข้ารึขอรับ!?" ไทโรอีมีน้ำเสียงดีใจปนแปลกใจ
"เพื่อขอบคุณน้ำชาของวันนี้ไง"
เมื่อไทโรอีหยิบผ้าเช็ดหน้าจากท่านเท็นโอชินขึ้นมา ค่อยๆคลี่ออกแล้วพินิจดู จากอดีตสีหน้าไทโรที่เคยดุดันและเคร่งขรึมต่อหน้าท่านเท็นโชอินมาตลอด แต่มาบัดนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างตรงกันข้าม เพราะไทโรอีเริ่มรู้ซึ้งถึงน้ำใจที่แท้จริงของท่านเท็นโชอินแล้ว
"ข้ารู้สึกเหมือนว่ามาตอนนี้ข้า..พอจะเข้าใจ ความรู้สึกของท่านคุโบคนก่อนขึ้นมาบ้างแล้ว" (ไทโรอีน้ำตาเริ่มคลอนิดๆ)
"วันนี้น่ะ เป็นวันทีี่่เราต่างก็เข้าใจกันมากขึ้นหลายเรื่องนะ"
"จริงอย่างที่ท่านพูดแล้วล่ะขอรับ"
วันนี้เป็นวันที่ท่านเท็นโชอินได้มีโอกาสชิมชาที่ท่านอีชงให้ เพียงครั้งเดียวในชีวิต ไม่มีวันที่จะหวนกลับมาได้อีก
-----------------------
ตอนไทโรอี ยังไม่จบ โปรดติดตามจุดจบของไทโรอีในตอนต่อไปครับ
คลิกอ่าน ตอน3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ถ้าแสดงความเห็นตรงช่องนี้ผมจะได้อ่านทุกความเห็นครับ แต่ถ้าความเห็นไม่ขึ้นอาจเพราะระบบรอตรวจสแปม ต้องรอ1-2วัน / ใหม่ เมืองเอก kaeake@ymail.com