งงมั้ยครับ กับชื่อบทความของผมในตอนนี้?
ผมแนะนำคุณผู้อ่านว่า ยังไม่ต้องไปยึดติดกับความหมายชื่อบทความตอนนี้มากนัก
แต่ก่อนจะเข้าเรื่องมาตรา112 ผมมีเรื่องนึงอยากจะเขียนอยากจะเล่านานแล้ว
นั่นคือเรื่อง
หญิงสาวมาเลเซีย ดื่มเบียร์ในที่สาธารณะ โดนศาลสั่งเฆี่ยน!!
ผมขออนุญาตเล่าคร่าวๆเท่าที่พอจะจำได้นะครับ
เมื่อ2-3ปีก่อนที่มาเลเซีย
นางการ์ติก้า ซารี เดวี ซูการ์โน ถ้าจำไม่ผิดเธอได้ไปแต่งงานกับคนสิงคโปร์และใช้ชีวิตทำมาหากินที่สิงคโปร์อยู่หลายปี
พอผ่านไป5ปี เธอกลับมาเลเซีย ทีนี้เธอเกิดลืมตัว ลืมกฎหมายบ้านเกิดคือมาเลเซียไปชั่วคราว เธอดันเผลอตัวดื่มเบียร์ในที่สาธารณะคือที่โรงแรมแห่งหนึง ซึ่งกฎหมายมาเลเซียอิงจากกฎหมายอิสลาม มีกฎหมายห้ามผู้หญิงดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ
เธอเลยโดนศาลตัดสินให้ถูกเฆี่ยน6ที แถมโดนปรับอีก5พันริงกิต
ทีนี้ปัญหาก็คือ เธอเคยเป็นนางแบบมีชื่อเสียงในสิงคโปร์ ข่าวมันเลยดังไปทั่วโลก
ทำให้พวกองค์กรสิทธิเสรีภาพสากล องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือพวกปกป้องสิทธิมนุษยชนอะไรพวกนี้ทั้งหลาย พอได้ข่าวเรื่องที่เธอจะโดยเฆี่ยนเพราะเหตุจากดื่มเบียร์ พวกสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย ก็ไม่พอใจ หาว่า
ทางการมาเลเซียละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
แต่เรื่องนี้ที่ไม่ธรรมดา และเจ๋งมากๆ!! ทำให้ผมอยากเล่าให้คุณผู้อ่านของผมฟังก็คือ
นางการ์ติก้า เธอออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเผยแพร่ไปทั่วโลกว่า องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย พวกคุณกรุณาอย่าเสือกเรื่องกฎหมายอิสลามของมาเลเซีย เพราะเธอเคารพกฎหมายของประเทศเธอ
นางการ์ติก้า เธอยอมรับผิดและพร้อมรับการลงโทษด้วยการ
เฆี่ยนจากทางการมาเลเซียด้วย
ความเต็มใจ เพื่อรักษากฎหมายอิงหลักอิสลามที่เธอเองก็เคารพให้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
แม้แต่พ่อของเธอ ก็ออกมาปกป้องกฎหมายของประเทศเช่นเดียวกัน โดยพ่อของเธอบอกว่า เขาเลี้ยงลูกมาให้เป็นคนที่เคารพกฎหมาย เคารพหลักศาสนา เมื่อลูกของเขาทำผิด ลูกเขาควรได้รับการลงโทษ
ฉะนั้นพวกองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆที่พยายามจะช่วยลูกของเธอ กรุณาอย่าเสือก!!
ทีนี้ทางการมาเลเซีย ปกติก็ลงโทษประชาชนตามกฎหมายอิสลามมาหลายคดีจวบจนบัดนี้ แต่พอคดีของนางการ์ติก้า เกิดดังไปทั่วโลก มาเลเซียก็เกิดอาการหน้าบางจากเหตุผลอะไรไม่แน่ใจ เกิดกลัวเสียงวิจารณ์จากนานาชาติขึ้นมา เลยตัดสินใจยกเลิกการเฆี่ยนนางการ์ติก้าไป
แบบกะทันหัน!!
ตามข่าวนี้ครับ ลองอ่านดู
มติชนออนไลน์
มาเลย์ปล่อยตัวหญิงดื่มเบียร์ดื้อๆไม่ยอมเฆี่ยน-เจ้าตัวไม่ยอม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า รัฐปาหังของมาเลย์ได้ปล่อยตัว
นางการ์ติก้า ซารี เดวี ซูการ์โน วัย 32 ปี ซึ่งถูกตัดสินโทษจากศาลศาสนาให้ถูกเฆี่ยน 6 ที จากกรณีดื่มเบียร์ โดยรถที่นำเธอไปเรือนจำนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวง เพื่อส่งตัวให้เธอรับโทษโบย ได้หยุดนิ่งเป็นเวลานับชม.ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางส่งเธอกลับบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐปาหังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางการไม่สามารถทำตามหมายจับและคำสั่งศาลได้ในขณะนี้ และว่าทางการได้ปล่อยตัวเธออย่างเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ตาม
นางการ์ติก้ายังไม่ยอมลงจากรถ โดยเจ้าตัวบอกว่า เธอต้องการให้ทางการตัดสินออกมาว่า เธอผิดหรือถูกแน่ ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอได้ปฎิเสธที่จะอุทธรณ์คดี และท้าให้ทางการรัฐปาหังลงโทษโบยเธอต่อหน้าสาธารณชน
ด้านนายชูการ์โน มูตาลิบ บิดานางการ์ติก้า วัย 60ปี แสดงปฎิกิริยาไม่พอใจต่อการปล่อยตัวลูกสาวของเขาโดยไม่ให้รับโทษ บอกว่า ลูกสาวของเขาต้องการรับโทษตามคำตัดสิน และเขาคิดว่าหากรัฐปาหังไม่ยอมทำ เรื่องนี้จะกระทบต่อศาสนา พร้อมทั้งเตือนว่าอย่าเอาลูกสาวของเขามาเป็นเครื่องเล่นทางศาสนา
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ ทางการรัฐปาหังได้ควบคุมตัวนางการ์ติก้าที่บ้านพัก ท่ามกลางปฎิกิริยาประท้วงของผู้เห็นใจนางการ์ติก้ากว่า 50 คน ที่ชุมนุมหน้าบ้านเธอ
---------------------------
จากข่าวหญิงมาเลย์คนนี้ เราได้ข้อคิดอะไรครับ?
สำหรับผมได้ข้อคิดมากๆ และเอามาเปรียบเทียบกับกรณีมาตรา112 ได้พอควร
คือบ้านเมืองแต่ละประเทศ เขาก็มีกฎหมาย มีจารีตประเพณีที่แตกต่างกันไป หากเราไปบ้านเมืองใด เราก็ควรให้ความเคารพกฎหมายของบ้านเขา จริงมั้ยครับ?
แบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่า
เราเป็นผู้มีวัฒนธรรมที่ดี เคารพในความเชื่อ เคารพศรัทธาในศาสนาวัฒนธรรมประเพณีของคนอื่น
อย่างบ้านเราเองก็มีจารีตประเพณีเช่นกัน เราเองก็อยากให้ใครที่มาเที่ยวบ้านเรา ให้ความเคารพประเพณีและวัฒนธรรมของเราจริงมั้ยครับ
อย่างในมาเลเซียยังมีกฎหมายแปลกๆที่เราคาดไม่ถึงอีกหลายอย่าง อย่างเช่น
ห้ามเด็ดทำลายดอกชบา ในที่สาธารณะ ห้ามเหยียบดอกชบาที่ตกลงบนพื้น เพราะดอกชบา (บุหงารายา) เป็นดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย ถ้าใครฝ่าฝืนอาจโดนจำคุกได้เลยนะครับ
------------------------
ห้ามขายหมากฝรั่งในสิงคโปร์
กรณีห้ามขายหมากฝรั่งในสิงคโปร์ คือตัวอย่างที่ยกแล้วจะเห็นภาพมากที่สุด
ถ้าคุณชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ควรไปสิงคโปร์นะครับ เพราะหมากฝรั่งเป็นสินค้าต้องห้ามในสิงคโปร์
แบบนี้เราจะไปบอกว่า สิงคโปร์ละเมิดสิทธิเสรีภาพก็ไม่ได้ เพราะนี่คือกฎหมายบ้านเขา ซึ่งเราต้องเคารพ
ถ้าคุณไม่ชอบกฎหมายของเขา ก็อย่ามาบ้านเขา ก็อย่ามาเที่ยวบ้านเขา อย่ามาอยู่บ้านเขาสิครับ จริงมั้ย?
(สิงคโปร์ กับมาเลเซีย มีกฎหมายห้ามคนในประเทศ แต่งตัวเป็นกระเทย หรือรักร่วมเพศด้วยครับ มีโทษรุนแรงมากด้วย)
---------------------------
กฎหมายหมิ่นประมาท เมื่อเทียบกับ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ประชาชนทุกคนยังมีกฎหมายหมิ่นประมาท เพื่อปกป้องชื่อเสียงและสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ใครมาด่าเรา ทำให้เราเสียหาย เราก็ฟ้องร้องดำเนินคดีคนๆนั้นไป
ก่อนอื่นเราต้องดู
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดาชานุภาพกันก่อน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ บัญญัติว่า
ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
องค์ประกอบความผิด
หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยเจตนา
ที่สำคัญที่อยากจะให้ทุกคนรู้ก็คือ ยังมี
มาตรา 133 ใช้คุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาทต่างประเทศ ที่เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยด้วยนะครับ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 134 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาสู่พระราชสำนัก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เช่น ถ้าจักรพรรดิญี่ปุ่น หรือมกุฏราชกุมารของญี่ปุ่น มาเยือนไทย แล้วใครก็ตามมาดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระองค์ ก็จะโดนมาตรา 133 เอาผิดเช่นกันครับ
ดังนั้น กฎหมายไทยไม่ได้คุ้มครองเฉพาะองค์พระประมุขของไทยเท่านั้น แต่ยังคุ้มครองประมุขและผู้แทนรัฐจากต่างประเทศด้วย แต่พวกล้มเจ้าก็จะเลี่ยงไม่ยอมพูดถึงมาตรา 133 และ 134 นี้
ทีนี้มาดูกฎหมายหมิ่นประมาทของประชาชนบ้าง
1.การหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.1หมิ่นประมาท มาตรา 326
โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
1.2.หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 328
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
1.3. หมิ่นประมาทซึ่งหน้า มาตรา 393 ซึ่งอยู่ในหมวดลหุโทษ เป็น "การดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา" มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. การหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน มาตรา 136 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.
การหมิ่นประมาทศาล มาตรา 198 ต้องระวาง
โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
------------------
แค่หมื่นประมาทบุคคลธรรมดาทั่วไป ยังมีโทษถึงขั้นติดคุกได้
แล้วถ้าหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา112 จะไม่ให้มีติดคุกหรืออย่างไร?
ถ้าเราคนไทยยังปล่อยให้ไอ้
พวกชั่วและพวกโง่ มายกเลิกมาตรา112 ไปแล้ว พระมหากษัตริย์ก็จะไม่มีอะไรคุ้มครองพระองค์
หรือถ้าจะให้พระมหากษัตริย์ มาใช้กฎหมายหมิ่นประมาทแบบเดียวกับประชาชน คุณผู้อ่านว่า มันถูกต้องสมควรแล้วเหรอ?
ถ้าใครด่า อาฆาต มาดร้าย ใส่ความ ป้ายสี พระมหากษัตริย์ จะต้องให้พระองค์ต้องทรงมาลงสู้คดีเองหรือครับ?
ยิ่งพวกล้มเจ้ามันมีมากมายในยุคนี้ เพราะสัตว์นรกมันกลับชาติมาเกิดกันเยอะ มันจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันเป็นพันเป็นหมื่นคดี แล้วเราจะให้ในหลวงต้องทรงลงมาปกป้องพระองค์ ด้วยการสู้คดีทุกคดีเหรอครับ?
และถึงแม้จะเปิดโอกาสให้ สำนักพระราชวังส่งตัวแทนมาสู้คดีแทนพระองค์ก็ตาม แต่คุณผู้อ่านคิดว่า มันสมควรให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรือครับ?
-----------------------
สถาบันพระมหากษัตริย์ คือสถาบันหลักของชาติ แม้แต่
ธงชาติไทย เรายังไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่เลยครับ
ฉะนั้น ก็มีแต่พวกเลวอ้างสิทธิเสรีภาพบ้าบอคอแตกเท่านั้น เอามาใช้หลอกคนไทยโง่ๆ เพื่อให้เรียกร้องสิทธิชั่ว ๆ แต่พวกเลวมันไม่เคยบอกเรื่องหน้าที่พลเมืองให้คนไทยโง่ ๆ ได้รู้เลยว่า
หน้าที่พลเมืองที่ดี ต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ถ้าการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพใดๆ หากเป็นการละเมิดหน้าที่พลเมืองที่ดี สิทธิเสรีภาพนั่นคือสิ่งที่ผิด เป็นสิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขตครับ
คนไทยส่วนใหญ่มักไม่รู่ว่า
หน้าที่ต้องมาก่อนสิทธิเสมอ หากยังไม่ทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ก็ย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะมาเรียกร้องขอสิทธิ
พวกบัฟฟาโร่แดง ส่วนใหญ่มันไม่รู้ว่าพวกมันกำลังเป็นเหยื่อของไอ้พวกล้มเจ้า พวกคอมมิวนิสต์หลงยุค พวกสังคมนิยม ที่แอบอ้างประชาธิปไตยมาบังหน้าหากินเท่านั้น
ถ้าการวิจารณ์ในหลวงอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผล ในหลวงท่านทรงเคยตรัสว่า สมควรทำด้วยซ้ำ
ปัญหาก็คือ พวกเลวสันดานชั่ว มันใส่ร้ายป้ายสี หยาบคาย เหยียบย่ำสถาบันนี่แหล่ะครับ พวกมันถึงคิดจะล้มมาตรา112
แต่เป้าหมายของพวกมันจริงๆแล้ว สูงกว่ามาตรา112 เพราะพวกมันต้องการเปลี่ยนระบอบเลยครับ
------------------------
มาตรา112 ปกป้องสถาบันที่เราเคารพรักและเทิดทูน
ขนาดคนธรรมดายังมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครอง
แล้วพ่อเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักของข้าแผ่นดินลูกแผ่นดินอย่างพวกเรา จะมีกฎหมายปกป้องคุ้มครองพระองค์ท่านไม้ได้เชียวรึ ?
สถาบันกษัตริย์ คือสถาบันหลักสูงสุด 1 ใน 3 ของชาติ การมีกฎหมายทีมีบทลงโทษแรงกว่าสามัญชน ก็เป็นเรื่องธรรมดา
หากใครไม่ชอบกฎหมายมาตรา112 นี้ ไม่ชอบสถาบันกษํตริย์ วิธีง่าย ๆ คุณก็แค่ออกไปจากแผ่นดินนี้สิครับ จะหน้าด้านทนอยู่ในประเทศนี้ ทำไม เพราะ...
-------------------------
โปรดทราบ!!
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
http://imgur.com/KE5pbCm
คลิกอ่าน ประธานาธิบดีสหรัฐฐานันดรเทียบเท่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ!!