หลายคนคงเคยได้ยินบทกลอนทำนายอนาคตประเทศไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ กลอนถิ่นกาขาว
ซึ่งมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า เป็นคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ คำว่าถิ่นกาขาวเป็นเพียงคำทำนายของพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ และไม่ได้เขียนเป็นกลอน ท่านได้ทำนายอนาคตของราชธานีใหม่ ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า
ซึ่งหลวงพ่อฤาษีได้เจอสมุดข่อยโบราณ ที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้
รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล
และไม่มีบทกลอนถิ่นกาขาวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแต่อย่างใด!!
ผมมีลิงค์ที่มาและหลักฐานว่า ไม่ใช่คำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งมาจากเว็บของวัดท่าซุงนั่นเอง
เป็นเพียงคำบรรยายที่หลวงพ่อฤาษียกขึ้นมาเล่าให้ฟังถึงคำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์สมัยอยุธยาเท่านั้น
และไม่มีคำกลอนถิ่นกาขาวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแต่อย่างใด!! แต่มีผู้แอบอ้างแต่งกลอนขึ้นเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อเจตนาอะไรบางอย่าง!!
สำคัญที่สุด ความเชื่อที่ว่า ชาติไทยจะไม่มีรัชกาลที่10นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ความจริงที่ถูกต้องเป็นเช่นไร
ซึ่งมีคนถามหลวงพ่อ เกี่ยวกับประเทศไทยจะมีแค่รัชกาลที่10เท่านั้นจริงหรือ?? ซึ่งหลวงพ่อได้ตอบดังนี้
ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?
"เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า
พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"
กรุณาไปอ่านต้นฉบับการเล่าของหลวงพ่อตอบเกี่ยวกับอนาคตชาติและความหมายคำทำนายในแต่ละรัชกาล ซึ่งหลวงพ่อฤาษีก็ได้ตอบเรื่องสถาบันกษัตริย์จะอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไปอีกนาน เชิญอ่านคำชี้แจงของวัดท่าซุง
ได้ที่ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680
----------------------------------
คำกลอนถิ่นกาขาว มีเนื้อความดังนี้ (ที่มีผู้แอบอ้างว่าเป็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งความจริงไม่ใช่!! มีคนแต่งขึ้นมาแล้วแอบอ้างชื่อหลวงพ่อไปใช้)
"เมื่อถึงปลาย รัชกาล ผ่านเข้ามา
ประเทศชาติ จะรุ่งเรือง และเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันพุ่ง ขึ้นมา จนเห็นค่า
พวกกาขาว จะบินรี้ หนีเข้ามา
เป็นประชา จนเต็ม พระนคร
ชนทั่วโลก จะยก พระองค์ท่าน
ชื่อกระฉ่อน ร่อนทั่ว ทุกสิงขร
ออกพระนาม ลือชื่อ ดั่งทินกร
องค์อมร เอกบุรุษ แห่งแผ่นดิน
ชาวประชา จะปิติ ยิ้มสดใส
แต่อกไหม้ หนอนกิน ข้างในสิ้น
จะมีพวก กาฝาก คอยกัดกิน
เพื่อให้ได้ สิ่งถวิล สมจินตนา
จะมีการ ต่อตี กันกลางเมือง
ขุนนางเขื่อง กังฉิน กินทั่วหล้า
คอรัปชั่น จะกัดกร่อน ทั้งพารา
ประดุจปลวก กินฝา นั้นปะไร
ข้าราชการ ตงฉิน ถูกประณาม
สามคนหาม สี่คนแห่ มาลากไส้
เกิดวิกฤติ ผิดเพี้ยน โดยทั่วไป
โกลาหล หม่นไหม้ ไร้ความดี
ประชาชี จะสับสน เรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่ว จะมุด ขุดรูหนี
ไม่แน่ใจ สิ่งที่ทำ นำความดี
เกรงเป็นผี ตายตก ไปตามกัน
พุทธศาสน์ จะถูก รุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำ เป็นศัตรู มุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติ ธรรมชาติ อุบาทว์ครัน
พายุลั่น น้ำถล่ม ดินทลาย
แผ่นดินแยก แตกเป็นสอง ปกครองยาก
เกิดวิบาก ทุกข์เข็ญ ระส่ำระสาย
เกิดการปราบ จลาจล ชนล้มตาย
เลือดเป็นสาย น้ำตานอง สองแผ่นดิน
ข้าเป็นนาย นายเป็นข้า น่าสมเพช
ผู้มีบุญ มีเดช จะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒา อาจารย์ ลือระบิล
จะร่วงริน ดุจใบไม้ ต้องสายลม
ความระทม จะถมทับ นับทะเวศ
ดั่งดวงเนตร มืดบอด สุดขื่นขม
คนที่ดี จะก้มหน้า สุดระทม
คนชั่วข่ม หัวร่อร่า ทำท่าดัง
จะมีหนึ่ง นารี ขี่ม้าขาว
ควงคฑา มุ่งสู่ดาว สร้างความหวัง
ผู้ปกครอง จะเป็นหญิง พึงระวัง
สายน้ำหลั่ง กรากเชี่ยว หวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์ จะบังเกิด ในสยาม
หลังฝนคร้าม ลั่นครืน จะยืนได้
จะเข้าสู่ ยุคมหา ชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ ศักราช แห่งประชา
คนชั่วจะ ถูกปราบ ราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือด สูญหาย ไร้ปัญหา
ประเทศชาติ ผ่านวิกฤติ ด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้า ศรีทอง ผ่องอำไพ"
จริงๆมีคนแต่งต่ออีกหน่อยในท่อนสุดท้าย ที่ว่า
.
"ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"
ซึ่งผมคาดเดาเองว่า คือพวกแนวคิดล้มเจ้าเป็นคนแต่งโดยเฉพาะท่อนสุดท้ายขึ้น ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัย
แต่สำหรับ ใหม่เมืองเอก เชื่อว่า ท่อนสุดท้ายที่จะแต่งต่อไป ควรจะเป็น
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ ชาวไพร่ฟ้าหมดทุกข์ทั้งแผ่นดิน!!
--------------------------
หลายคนอาจบอกว่า บทกลอนดูค่อนข้างจะแม่น คล้ายกับเหตุการณ์ปัจจุบันหลายอย่าง ซึ่งหากเราลองมองในอีกมุม
ผมกลับมองว่า พวกแนวคิดล้มเจ้าพยายามทำเหตุการณ์ให้ตรงกับบทกลอน ตามอุดมการณ์ที่พวกเขาเชื่อก็เป็นได้ เพราะบทกลอนนี้มีมานานพอควร น่าจะเกิดขึ้นยุคแนวคิดคอมมิวนิสต์ระบาดเมื่อ30-50ปีก่อน
ผมมองว่า คนแต่งกลอนบทนี้นั้นเก่ง และคงเป็นนักอ่าน นักคิดที่เก่งเอาการ ที่เอาคำทำนายของพระอรหันต์สมัยอยุธยา มาผูกโยงกับอุดมการณ์ ทางการเมือง ของตน แถมยังนำคำทำนายของพระพุทธเจ้า ในเรื่อง ยุคมิคสัญญี มารวบรวมแต่งเป็นบทกลอนถิ่นกาขาวให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การแต่งกลอนที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อคนแต่งมีใจไม่บริสุทธิ๋ แอบอ้างนำชื่อของหลวงพ่อฤาษีมาใช้ เพื่อให้บทกลอนน่าเชื่อถือ นั่นจึงทำให้บทกลอนนี้ แทนที่จะกลายเป็นบทกลอนที่น่าชื่นชม กลับกลายเป็นบทกลอนกำมะลอในที่สุดครับ
แนะนำอ่านเรื่องต่อเนื่อง นารีขี่ม้าขาว จากกลอนกำมะลอ!!
.
นายกเป็นใครก้ได้..ขอให้ราคาทองคำ+นำมันที่เป็นอยู่ลดลงด้วย เพราะส่วนตัวชอบซื้อทอง..ใส่บ้างเก็บไว้บ้าง..ส่วนนำมันก็จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้ปล่าว..ถ้าทำได้จริงจะเลือกคนนั้น..
ตอบลบเอะอะอะไรก็ิ้อ้างล้มเจ้าๆ ดูหลักสำคัญๆกันสิ พวกที่อ้างคนอื่นล้มเจ้าเป็นใครกัน ก็คือพวกที่อยากเป็นใหญ่แต่ไม่มีฝีมือพัฒนาชาติพวกกลัวเสียอำนาจเก่าพวกไม่ยอมสิทธิประชาธิปไตย พอเห็นใครทำเพื่อชาติมีหน้ามีตาจะดีกว่าตัวเองก็พากันอ้างว่าล้มเจ้ามาตลอดเวลา ทั้งๆที่บ้านเมืองกำลังจะเจริญดีๆ ดันมาปฏิวัติเสมอ พวกนี้ใช้ความศรัทธาต่อเบื้องบนมาหาประโยชน์ให้กลุ่มตนเองเสมอ
ตอบลบเอะอะอะไรก็ล้มเจ้า ถ้างั้นคุณหมายความคุณไม่อยากให้คณะราษก่อปฏิวัติเปลี่ยนการปกครองจากสมบูณรานายาสิทธิราษมาเป็นประชาธิปไตยในปี 2475 ใช่ไหม เพราะตอนนั้นปรีดีก็โดนข้อหากบฏล้มเจ้าเหมือนกัน
ตอบลบผมขอตอบคุณข้างบนว่า ผมไม่ได้ระบุชื่อว่าใครล้มเจ้า
ตอบลบผมสัณนิษฐานว่า กลอนบทนี้น่าจะเกิดจากช่วงคอมมิวนิสต์รุ่งเรือง
ถ้าคุณไม่ใช่พวกล้มเจ้า หรือคุณไม่ใช่คอมมิวนิสต์ คุณก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนโวยวายอะไรนี่ครับ
อย่ากินปูนร้อนท้อง ^^
และถ้าคุณสังเกตดีๆ พวกอ้างประชาธิปไตยบังหน้าน่ะมีเยอะ แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นพวกคอมมิวนิสต์เดิมๆทั้งนั้น คุณลองกลับไปหาหลักการคอมมิวนิสต์อ่านดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งที่กลุ่มคนบางพวกปราศัยต่อประชาชนคือหลักการคอมมิวนิสต์ทั้งนั้น
ผมฟังคลิปของอดีตนักโทษประหารจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอภิปรายหลายครั้ง และผมยืนยันว่า มีพวกล้มเจ้าแน่นอน!!
และถ้าคุณชื่นชมใครบางคนที่คุณบอกว่าทำให้ประเทศเจริญนั้น และถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่พวกล้มเจ้า เขาคนนั้นก็ต้องไม่ยอมให้พวกล้มเจ้ามาอาศัยหรือแฝงอยู่ในกลุ่มการเมืองของเขาด้วยสิครับ
แต่ผมกลับเห็นเขาคนนั้นละเลยที่จะขับไล่พวกล้มเจ้าออกจากกลุ่มของเขา
ผมอยากถามคุณว่า คณะราษฎร2475ทำไมไม่ทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศก่อนล่ะว่า จะเอาประชาธิปไตยมั้ย??
เพราะประชาธิปไตยแท้ๆ ก็ต้องให้ประชาชนตัดสินใจถูกมั้ย??
ในเมื่อประชาธิปไตยไทยมันเริ่มต้นผิด เพราะเริ่มจากการยึดอำนาจ และการปฏิวัติ
เมื่อเริ่มต้นผิด มันก็เลยผิดซ้ำซากมาตลอดไงครับ
ผมแนะนำให้คุณไปอ่านบทความของผม2บทนะครับ
เรื่อง "ผู้ทำลายประชาธิปไตยตัวจริง"
ที่
http://akelovekae.blogspot.com/2011/04/blog-post_04.html
กับ "คมช.ไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง"
ที่
http://akelovekae.blogspot.com/2010/07/blog-post_25.html
คนทุกวันนี้ขาดศีลธรรม บ้านเมืองถึงได้วุ่นวาย เพียงแต่ทุกคนพากันรักษาศีลห้า นับแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ข้าราชการ ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งที่ไม่สังกัดสี สีแดง สีเหลือง ความสงบสุขก็จะบังเกิดขึ้นในแผ่นดิน ผู้ใดมีปัญญา จงเร่งทำการนี้ให้สำเร็จเถิด แผ่นดินสยามจะได้สงบเสียที
ตอบลบสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครเขาจะไปฆ่ากันก็เรื่องของเขา คนชั่วต้องตายเยอะอยู่แล้วในไม่ช้านี้ คนไม่ดีคิดร้ายต่อประเทศ คิดร้ายต่อสถาบันต้องมีอันเป็นไปอยู่แล้ว สยามประเทศไม่สิ้นคนดีหรอกครับ เร่งทำความความดีดีกว่าครับ รักษาศีลทำบุญนะครับ
ตอบลบ