รัฐบาลสวิต ฯ เสนอนโยบายประชานิยมแจกเงินให้ประชาชน
วันที่ 28 มกราคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยแผนการแก้ปัญหาความยากจนในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกเสนอโดยกลุ่มนักคิดที่รวบรวมรายชื่อประชาชนครบ 10,000 คน ได้ยื่นเสนอให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์แจกเงินแก่ประชาชนทุกคน สัปดาห์ละ 625 ฟรังก์ (ประมาณ 21,000 บาท) โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้มีงานทำหรือไม่ทำงาน
ส่วนประชาชนที่ยังเป็นเด็ก จะได้สัปดาห์ละ 145 ฟรังก์ (ประมาณ 5,000 บาท) นโยบายดังกล่าวถูกเสนอยังรัฐบาลกลาง ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติการทำประชามติในวันที่ 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้
ซึ่งประชามตินี้ ถูกเรียกว่า "ประชามติหลักประกันรายได้พื้นฐานของประชาชน"
แต่ผลประชามติของชาวสวิส ปรากฏว่า ชาวสวิสส่วนใหญ่ร้อยละ 77 โหวตไม่รับนโยบายนี้ และมีประชาชนเพียง 23 % เท่านั้นที่โหวตรับนโยบายประชานิยมนี้
เหตุเพราะ คนสวิสส่วนใหญ่เกรงว่า นโยบายนี้จะทำให้ประเทศแบกภาระผูกพันจนอาจเกิดความเสียหายตามมาในอนาคตได้
จากประชามติของชาวสวิสครั้งนี้ ทำให้เห็นได้ว่า ชาวสวิสเห็นแก่ชาติบ้านเมืองโดยรวมเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง
นี่แหละครับ ระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่ประชาชนไม่เห็นแก่ตัว
---------------------------
เวเนซุเอล่าเงินเฟ้อหนัก เหตุเพราะในอดีตรัฐบาลมอมเมาประชานิยม
ผมเห็นข่าว มีชาวเวเนซูเอล่าอพยพหนีภัยอดอยากและเงินเฟ้อของประเทศตัวเองเข้าไปในเปรูแล้ว 5 แสนคน
เปรู ต้องแบกภาระหนักเลย
เวเนซูเอล่า มีเงินเฟ้อถึง 80,000 % แล้วเขาว่าสถานการณ์อาจหนักไปถึงเงินเฟ้อ 1 ล้าน %
พูดแบบนี้อาจนึกภาพไม่ออกว่า เงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์มันเป็นยังไง ?
คิดง่าย ๆ ก็คือ จากคนมีเงิน 1 ล้านบาท แล้วอยู่ ๆ เงิน 1 ล้านบาทเหลือมูลค่าแค่บาทเดียว
เช่น ไข่ไก่เดิมฟองละ 5 บาท พอเงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์ ก็ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาทซื้อ
ทีนี้เงินล้านบาทมันมีปริมาณเยอะ ใครจะแบกเงิน 5 กระสอบไปซื้อไข่ 1 ฟองจริงมะ
ทำให้รัฐบาลในประเทศที่เจอวิกฤติเงินเฟ้อขั้นรุนแรง อาจต้องนำแบงค์พันมาพิมพ์ทับเป็นฉบับละ 1 ล้าน หรือต้องยกเลิกธนบัตรเก่ เพื่อพิมพ์แบงค์ 1 ล้านใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศซิมบับเว
ธนบัตรฉบับละ 1 ล้านดอลล่าห์ซิมบับเว ภาพโดย รอยเตอร์
ฉะนั้น เราต้องอย่าให้นักการเมืองหรือจะพวกเผด็จการก็ตาม ใช้เงินชาติ งบประมาณแผ่นดินมาโปรยทำประชานิยม หรือแจกเงินฟรีเยอะ ๆ บ่อย ๆ ล่ะ
ไม่งั้นไทยอาจจะเหมือนเวเนซูเอล่าได้
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้
วิกฤติต้มยำกุ้งไทยก็เคยเกิดมาแล้ว โดยก่อนหน้านั้น 2 ปีเคยมี วิกฤติการณ์เม็กซิโก เป็นตัวอย่างวิกฤติเศรษฐกิจก่อนไทย
แต่ตอนนั้นคนไทยก็ไม่มีใครคิดว่า ไทยเราจะเป็นแบบเม็กซิโกได้ แล้วเป็นไงล่ะ?
ฉะนั้น เราป้องกันได้ ด้วยการอย่าสนับสนุนนโยบายประชานิยมของทุกรัฐบาล
ถ้าคิดจะใช้ประชานิยมควรใช้ในเวลาจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และต้องเป็นแค่มาตรการระยะสั้น ๆ และใช้เงินไม่มาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นบางครั้ง
ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลใช้นโยบายประชานิยมยาวแบบไร้กำหนดสิ้นสุด เหมือนที่รัฐบาล คสช. กำลังทำในนโยบายบัตรสวัสดิการประชาชน ที่ห่วยสิ้นดี
นโยบายเลวพอกัน
บัญชาคามินตูน
ตัวอย่างรัฐสวัสดิการของประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัว
ในปีหน้า 2019 ญี่ปุ่นจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 8 % เป็น 10 %
นโยบายขึ้น vat นี้เป็นของรัฐบาลนายชินโสะ อาเบะ
คนญี่ปุ่นรู้ทั้งรู้ว่า ถ้าเลือกพรรคของนายชินโสะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็ต้องเจอการขึ้นภาษีแวตแน่นอน
แต่คนญี่ปุ่นเขาก็ยินดีที่จะเลือกนายอาเบะ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
เพราะนายอาเบะ บอกว่า vat ที่ขึ้นอีก 2 % นั้น รายได้ที่รัฐได้เพิ่มขึ้น จะนำไปใช้สนับสนุนรัฐสวัสดิการเพื่อ สังคมผู้สูงอายุ เป็นหลัก ซึ่งประชาชนทุกคนจะได้รับสวัสดิการนี้เช่นเดียวกันทุกฐานะทุกชนชั้น
นี่แหละครับ ตัวอย่างรัฐบาลของประเทศที่เจริญแล้ว และประชาชนที่ไม่เห็นแก่ตัวมากกว่าประเทศชาติ
----------
ในขณะที่รัฐบาล คสช. แจกเงินเฉพาะคนบางกลุ่มยังไม่พอ แต่ยังจะ ยกเว้นภาษีแวตให้คนพวกนี้อีก
แปลง่าย ๆ คือ ได้เงินแจกฟรี แถมยังไม่ต้องเสียภาษีแวตอีก ซึ่งเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาเปรียบประเทศชาติมากขึ้น ๆ
โคตรประชานิยมไหมล่ะมึง
--------
ที่จริงโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ๆ จริง ๆ หรอก
เช่น เงินประชานิยมที่แจกไป ต้องแลกมาด้วย โรงพยาบาลรัฐที่มีไม่เพียงพอ ยาคุณภาพดี ๆ หลายตัว ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หมอพยาบาลต้องทำงานโอเวอร์โหลดแต่รายได้น้อยจนหนีไป อยู่ รพ.เอกชน จนหมอ รพ รัฐขาดแคลน รถเมล์บริการห่วย ๆ รถไฟชั้น 3 แออัดซกมก ทหารชายแดนใต้ขาดแคลนเสื้อเกราะกันกระสุน ฯลฯ