เมื่อวันพุธที่29 ผมดูรายการคัมภีร์วิถีรวย ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ซึ่งได้ไปโรงงานชายสี่หมี่เกี๊ยว และได้พูดคุยกับเจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยว
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
ประวัติคร่าวๆ ที่เจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยว เล่าก็คือ
เริ่มต้นจาก เขาเป็นคนอีสานจากจังหวัดร้อยเอ็ด เคยขายบะหมี่ของแฟรนไชส์ยี่ห้อนึงมาก่อน ตอนที่เขาขายก๋วยเตี๋ยวเองราคาขายชามธรรมดา 10 บาท พิเศษ15 บาทเท่านั้น แต่แค่เพียง2 ปี เขาสามารถมีเงินเก็บมากถึง7แสนบาท ในปีพ.ศ.2535
นั่นแสดงว่า ขายดี และขายได้กำไรเยอะมากๆๆๆ ถึงเก็บเงินแค่2 ปี กับการขายก๋วยเตี๋ยวชามละ10-15 บาท มีเงินเกินครึ่งล้านแล้ว
ซึ่งตอนที่เขาเริ่มกิจการชายสี่หมี่เกี๊ยวนั้น เขามีความรู้แค่จบป.4 เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ศึกษาจนจบปริญญาโทแล้ว
เจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยว ได้บอกเคล็ดลับการมีเงินว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มีเงินเก็บเยอะได้ขนาดนั้น คือต้องรู้จักเก็บออม ต่อให้ขายดี แต่ถ้าไม่รู้จักเก็บ มันก็มีเงินเยอะไม่ได้ หรือแม้แต่ขายไม่ค่อยดี แต่ถ้ายังรู้จักเก็บ ก็ยังมีเงินเยอะได้ ฉะนั้นขายดีหรือไม่ดี ไม่สำคัญเท่ากับ การรู้จักเก็บออม
เจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยว จึงให้คำนิยามว่า "ขายเก่งแต่ไม่สะออน แต่ถ้าเก็บเงินเป็น นั่นแหละ สุดยอด!!"
พอมีเงินเก็บก็เลยเริ่มกิจการชายสี่ โดยซื้อเครื่องทำบะหมี่มาทำเองก่อน ต่อมาญาติพี่น้อง เพื่อนๆ อยากขายบ้าง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ ชายสี่หมี่เกี๊ยว
และหลักการแห่งความร่ำรวยของเจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยวก็คือ การทำให้คนรอบข้างเรารักเรา คือจุดเริ่มต้นแห่งความรวย!!
------------------------------
ทำไมผมถึงว่าบะหมี่ชายสี่หมี่เกี๊ยวถึงขายแพง (หวังว่าคงจะเป็นแค่บางร้านนะ)
ก่อนหน้านี้ย้อนไปสัก10 ปี ผมเคยซื้อบะหมี่ชายสี่หมี่เก๊ยวมากินครั้งนึง บอกตามตรงว่าตอนนั้นยังไม่อร่อยเท่าไหร่ รสชาติยังสู้ราชาบะหมี่เกี๊ยวข้าวหมูแดงไม่ได้
และเพราะผมเคยกินบะหมี่ของแฟรนไชส์ราชาบะหมี่เกี๊ยวข้าวหมูแดง ซึ่งยี่ห้อนี้อยู่มานานไม่ต่ำกวา30ปี นั่นแหละ อร่อยกว่า ปริมาณมากคุ้มค่า ผมเลยไม่เคยคิดไปซื้อบะหมี่ชายสี่หมี่เกี๊ยวมากินอีกเลย แม้จะเห็นรถเข็นขายชายสี่หมี่เกี๊ยวทั่วบ้านทั่วเมืองก็ตาม
แต่ผมก็รู้สึกชื่นชมเจ้าของกิจการชายสี่หมี่เกี๊ยวนะ ที่จากแค่หนุ่มตจว. เข้ามาประกอบอาชีพจนตั้งตัวเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตแบบนี้ได้ ต้องนับว่า เป็นอัจฉริยะบุคคลแห่งวงการธุรกิจคนนึงของเมืองไทย
ทีนี้ผมก็เลยลองไปซื้อบะหมี่ชายสี่หมี่เกี๊ยวแถวบ้านมาลองกินอีกสักหนซิ ว่าไม่ได้กินนานแล้ว จะเป็นยังไงบ้าง
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
ผมก็เลยไปซื้อมา3ห่อ ที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวในซอยลาดพร้าว 71 หน้าร้านเช่าดีวีดี ตรงกันข้ามเยื้องๆ กับปั๊มปตท. น่ะ ซึ่งทีแรกผมก็ยังไม่รู้จะสั่งยังไงดี ก็เลยสั่งง่ายๆ ไปว่า บะหมี่3ห่อ ผมสั่งแค่นั้นแหละ
ผมยืนมองไปที่โต๊ะของลูกค้าที่นั่งทานอยู่ในร้าน มองไปที่ชามของผู้หญิงคนนึง ดูขนาดแล้ว ชามเล็กกว่าร้านบะหมี่เจ้าอื่นๆ นะ แถมทำไมผมมองไม่เห็นผักสักชิ้นเลย ผมก็คิดในแง่ดีว่า สงสัยผู้หญิงคนนี้ไม่กินผัก เลยไม่ให้ร้านใส่ผักมา
ก่อนที่ผมจะได้บะหมี่ที่สั่ง ลูกค้าผู้ชายคนนึงที่มายืนรอก่อน พอร้านทำเสร็จก็ส่งให้เขา เขาถามว่า เท่าไหร่? ร้านก็ตอบว่า 40.-
ผมนึกในใจ ป้ายหน้าร้านเขียนแค่ 30 - 35 บาท สงสัยว่า เขาปรับเพิ่มราคาแล้ว แต่ยังไม่แก้ไขป้ายมั้ง?
แต่พอร้านทำที่ผมสั่งไว้เสร็จ ผมถามเท่าไหร่ ? ร้านเขาตอบว่า 90บาท (3ห่อ)
ผมเลยส่งเงินไป100บาท พอรับบะหมี่และเงินทอนก็รีบกลับไปลองกินทันที
ผมซื้อฝากแม่และเด็กที่ดูแลแม่คนละห่อ พอแกะออกมา ปริมาณบะหมี่ก็ให้มาน้อยกว่า ร้านก๋วยเตียวทุกร้านที่ผมเคยซื้อ ไม่เจาะจงเฉพาะร้านบะหมี่ด้วยกันเท่านั้น แม้แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ที่ผมเคยซื้อบะหมี่ ต่างก็ให้ปริมาณบะหมี่มากกว่าชายสี่หมี่เกียวทั้งนั้น
ปริมาณบะหมี่ธรรมดาที่ผมสั่งมา 3ห่อนั้น แต่ละห่อ นอกจากบะหมี่ปริมาณน้อยนึง กับหมูแดงเสี้ยวเล็กๆ บางๆ 7ชิ้น ที่จริงผมไม่อยากจะเรียกว่าชิ้น เพราะมันแค่เศษเสี้ยวหมูแดงจริงๆ กับผักกวางตุ้งปริมาณที่ต้องบอกว่า แมร่งโคตรน้อยเลยว่ะ
เพราะมีผักกวางตุ้งลวก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สั้นๆ แค่ 5ชิ้นเท่านั้น โคตระงกผักเลยว่ะ (ขอเดาว่า คงงกเฉพาะเจ้านี้)
แต่โชคดีที่ผมกะไว้แล้วว่า ผักที่ได้อาจจะน้อย ผมเลยซื้อผักกวางตุ้งจากตลาด 3 กำ10บาท มาด้วย ผมเลยสั่งให้เด็กที่บ้านนำผักกวางตุ้งมาล้างสักกำนึง ใช้กำเดียวก็พอ เพราะเยอะ แล้วเอามาลวกผักใส่ในบะหมี่เพิ่มเองแล้วกัน
ซึ่งเดี๋ยวนี้ ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวไม่ว่าจะเจ้าไหน ผมก็ต้องเพิ่มผักลงไปด้วย โดยเฉพาะผักบุ้ง ผมจะซื้อติดบ้านไว้ตลอด ไว้ใส่ผักเพิ่มเอง
เพราะเดี๋ยวนี้พ่อค้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยแทบทุกเจ้า ให้ผักน้อยๆๆๆๆๆๆ โดยเฉพาะร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวเจ้าที่ผมซื้อนี้ แมร่งต้องนับว่า งกผักมากที่สุด
อยากจะบอกร้านก๋วยเตี๋ยวทุกร้านเลยว่า โดยเฉพาะลูกค้าที่เขาซื้อเกาเหลาน่ะ แปลว่าเขาชอบกินผัก แต่แทบทุกร้านมันงกผักทั้งนั้น ทั้งๆ ที่คิดราคาเกาเหลาแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวเฉลี่ยชามละ 5 บาทอยู่แล้ว
รสชาติน้ำซุปชายสี่หมี่เกี๊ยวจัดว่าอร่อยนะ แต่รสชาติก็คล้ายๆ น้ำซุปของราชาบะหมี่หมูแดงนั่นแหละ ซึ่งผมคิดว่าน้ำซุปราชาบะหมี่หมูแดงก็ยังอร่อยกว่าหน่อยนึง
แต่รสชาติหมูแดง ผมยังยืนยันว่า หมูแดงของราชาบะหมี่อร่อยกว่าแบบกินขาดไปเลย แถมหมูแดงของราชาบะหมี่ก็ไม่ได้หั่นแบบเศษเสี้ยวเล็กๆ บางๆ แบบชายสี่หมี่เกี๊ยวด้วย
เอาเป็นว่า ในราคาห่อละ 30บาท ผมให้คะแนนชายสี่หมี่เกี๋ยวสาขาในซอยลาดพร้าว71 ร้านนี้สอบตกครับ เพราะต้องถือว่า ยังแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ถ้าให้ผมทานจริงๆ 2ชามยังไม่ค่อยจะอิ่มด้วยซ้ำ
แต่เอาเหอะ เขาขายได้ ทำเลเขาดี ยังมีคนซื้อเยอะ ก็คงว่าอะไรเขาไม่ได้
------------------------
ราชาบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ซอยภาวนา ถูกและอร่อยกว่า
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
ทีนี้ผมขอชื่นชมร้านราชาบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงสาขาซอยภาวนา อยู่ก่อนถึงซอยเจ้าแม่กวนอิมโชคชัย 4 หน่อยนึง
ร้านนี้เขาขายมานานแล้ว และเขาจะขายถูกกว่าร้านก๋วยเตี๊ยวทั่วๆ ไปเสมอ และถ้าจะขึ้นราคาก็จะเป็นร้านที่จะขึ้นราคาทีหลังร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป เขาขายทั้งข้าวหมูแดง บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง และราชาขนมปังสังขยาด้วย
มีคนมาซื้อร้านนี้กันเยอะมาก ๆ ขายดีๆ มาก น้ำซุปอร่อยมากๆ ขายตั้งแต่ประมาณ6 โมงเย็น ซึ่งร้านอยู่ไกลจากบ้านผมไปหน่อย หากไม่ได้ขับรถผ่าน ผมก็ไม่ค่อยได้ซื้อทานเท่าไหร่
ข้อสังเกตที่ผมสังเกตเห็นคือ ราชาบะหมี่เกี๊ยวข้าวหมูแดง เจ้าของร้านส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนแทบทั้งนั้น ในขณะที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยว ผมเห็นเป็นคนไทยแท้ๆ มาขายแทบทั้งนั้น
บอกตามตรง ผมจะเชื่อใจเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวของคนไทยเชื้อสายจีนมากกว่า เพราะส่วนใหญจะทำอาหารสะอาดกว่า ไม่ชุ่ย
แต่ไม่ใช่ว่า ผมไม่เคยเจอร้านราชาบะหมี่เกี๊ยวที่ขายแพงนะ ผมเคยเจอบ้าง โดยมากคือ จะไม่งกเส้นหรือหมู แต่งกผักน่ะเจอบ่อยที่สุด
เอาเป็นว่า ผมอยากจะบอกว่า ผมรู้สึกอิจฉาคนญี่ปุ่นมากๆ คนญี่ปุ่นเขาได้ทานบะหมี่1 ชามในประเทศของเขา ได้คุ้มค่ากว่าที่คนไทยซื้อบะหมี่ของคนไทยกิน
----------------------------
ราคาบะหมี่ที่ญี่ปุ่น
มีค่าแรงขั้นต่ำกรุงโตเกียว คือ 800 เยนต่อชั่วโมง หรือวันประมาณ 6,400 เยน ต่อวัน หรือ 2,560 บาทต่อวัน
แต่บะหมี่ที่ญี่ปุ่น หรือราเมน ชามในรูปนี้ ขายราคา 600เยน หรือชามละ 240 บาท นี่คือราคาแบบกลางๆ เพราะถ้าราคาแบบถูกๆ ตามข้างถนน ก็อาจถูกถึงชามละ 200 ถึง 300เยน ก็ยังมีอยู่เยอะ ซึ่งปริมาณก็มากใกล้เคียงในรูปนี้
ป้ายราคาราเมน ที่ถูกมากในโตเกียว ในปี2010
แปลความง่ายๆ ว่า
คนญี่ปุ่นทำงานชั่วโมงเดียว ซื้อบะหมี่กินได้ 1 ชาม แบบอิ่มๆ ได้สบายๆ แถมคุณภาพอาหารและความสะอาดของร้านอาหารญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเยี่ยมที่สุดในโลก
ในขณะที่คนกรุงเทพ ค่าแรงวันละ 300บาท ซื้อบะหมี่หมูแดงของชายสี่หมี่เกี๊ยว ปริมาณน้อยนิดกับเศษหมูแดงไม่กี่ชิ้น ราคาชามละ 30 บาท ซึ่งกินก็ไม่ค่อยจะอิ่มหรอก
ผมจึงอยากบอกว่า นี่ก็เป็นอาหารอีกชนิดนึงที่ค่อนข้างแพง ผมจึงขอย้ำอีกว่า คนไทยกินอาหารแพงกว่าคนต่างชาติ ตามที่ผมเคยนำเสนอมาแล้วในหลายๆ บทความครับ
นั่นเพราะอะไรล่ะ?
ทำไมประเทศที่ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก แต่คนในประเทศกลับกินอาหารแพงกว่าค่าเฉลี่ยของคนต่างประเทศกิน ?? คิดดูเองละกัน
---------------------
ก่อนจบ
ผมได้ลองเสิร์ชหา ความเห็นของผู้บริโภคส่วนใหญที่เคยทานบะหมี่ชายสี่ มีมากมายที่บอกว่า ไม่ค่อยอร่อย จะมีที่อร่อยจริงๆ ก็ไม่กี่ร้าน แถมส่วนใหญ่ทำดูไม่ค่อยสะอาด ไม่เหมือนราชาบะหมี่เกี๊ยว อร่อยแทบทุกร้าน
ทีนี้มีข้อสงสัยว่า แล้วทำไมชายสี่หมี่เกี๋ยวจึงขายดี และมีอยู่ทั่วประเทศ?
มีท่านนึงแสดงความเห็นไว้ว่า ที่ชายสี่หมี่เกี๊ยวขายดี เหตุเพราะ ช่องทางการจัดจำหน่าย และระบบแฟรนไชส์ของเขาดีครับ แต่คุณภาพผู้รับไปขาย ไม่ค่อยรักษามาตรฐานเท่าที่ควร
ผมจึงคิดว่า คนไทยเชื้อสายจีนไม่ค่อยขายชายสี่หมี่เกี๊ยว เพราะอะไร ? คุณลองไปถามตามร้านราชาบะหมี่เกี๊ยวดู แล้วจะรู้คำตอบ
แต่คนไทยแท้ๆ เน้นว่าคนอีสาน กลับชอบขายชายสี่หมี่เกี๊ยว ก็เพราะเจ้าของชายสี่หมี่เกี๊ยวคือคนอีสานครับ ทีนี้คนขายเป็นคนอีสาน ก็เป็นไปได้ที่คนอีสานชอบอุดหนุนคนอีสานด้วยกันมากกว่า
ผมจึงขอสรุปง่ายๆ เลยว่า ที่ชายสี่หมี่เกี๊ยวขายดี เพราะคนอีสานมีอยู่ทั่วประเทศ
ถ้าใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับบะหมี่ชายสี่ มากกว่าผม จะดี จะไม่ดีอย่างไรก็เล่ามาให้ทราบหน่อยนะครับ
ส่วนในบทความต่อไป ผมจะเขียนเรื่องราคาบะหมี่ที่ขายในสิงคโปร์
คลิกอ่านค่าเฉลี่ยคนไทยกินก๋วยเตี๋ยวแพงกว่าชาติอื่นหรือไม่?
สรุป ว่าคนจีนดีกว่าคนอิสานว่างั้นเหอะ ผมเองก็เพิ่งทราบน่ะว่าเถ้าแก่ชายสี่เค้าเป็นคนอิสาน ไอ้พวกเจ็กที่เห็นอดีตลูกจ้างถีบตัวเองขึ้นมาเป็นเถ้าแก่แล้วรับไม่ได้ หรือไม่จริงทีโกเดังไม่เห็นวิจารย์มั้งว่ะ
ตอบลบโง่นี่ บทความนี้วิจารณ์เรื่องความแพง กับ ความอร่อย ของร้าน 2 ยี่ห้อ
ลบส่วนคนอีสานหัดยอมรับความจริงบ้างว่า หลาย ๆ ร้านของคนอีสานมักไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความสะอาดเท่าที่ควร
ขนาดผมเคยมีลูกจ้างอีสานคนนึง เธอยังบอกเลยว่า ไม่กินอาหารที่คนอีสานทำขายในกรุงเทพ เพราะเธอไม่เชื่อในความสะอาด
เธอจะกินอาหารอีสาน เธอต้องทำกินเอง